by: ‘Mr.Big’
หลังจากปีที่ผ่านมา Audemars Piguet (โอเดอมาร์ส ปิเกต์) เผยโฉมไลน์คอลเลกชั่นใหม่ในชื่อสุดเก๋ Code 11.59 (โค้ด อีเลฟเวนฟิฟตีไนน์) โดยมีรุ่นจักรกลซับซ้อนขั้นสูงอย่าง ‘Flying Tourbillon’ (ฟลายอิง ทูร์บิญอง) เปิดตัวออกมาด้วย ในปีนี้จึงเพิ่มทางเลือกใหม่เพื่อความงามหรูที่เจิดจรัสขึ้นกว่าเคย ด้วยการนำหินอเวนจูรีน (Aventurine) ซึ่งมีลวดลายทางธรรมชาติเฉพาะตัวมารังสรรค์เป็นพื้นหน้าปัดใน Code 11.59 Flying Tourbillon Aventurine (โค้ด อีเลฟเวนฟิฟตีไนน์ ฟลายอิง ทูร์บิญอง อเวนจูรีน)
พื้นหน้าปัดอเวนจูรีนของนาฬิการุ่นนี้ ไมใช่แค่การนำอเวนจูรีนมาขัดและติดตั้งลงไปเฉยๆ แต่ผ่านกระบวนการเคลือบสีและลงยาอย่างพิถีพิถันภายใต้กระบวนการ ‘Big Open Fire’ (บิ๊ก โอเพิน ไฟร์) เพื่อขับสีสันและรายละเอียดของพื้นผิวอเวนจูรีนให้มีความเงางามและชัดเจนในทุกมิติ โดยเน้นสีที่สร้างสรรค์และเพิ่มการออกแบบที่ซับซ้อนและมีความละเอียดอ่อนมากมาย พื้นหน้าปัดได้รับการเคลือบผิวด้วยเทคนิค ‘Grand Feu’ (กรองด์ เฟอ) แต่ละชิ้นหน้าปัดจึงมีเอกลักษณ์และแตกต่างกัน จากนั้นจึงนำไปเผาด้วยอุณหภูมิกว่า 800 องศาเซลเซียส หลายๆ ครั้ง จนได้หน้าปัดอเวนจูรีนที่มีความเงางามชวนชม
หน้าปัดอเวนจูรีนนี้สร้างสรรค์ขึ้นใน 2 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่สีน้ำเงินเข้มเหลือบดำแบบไล่เฉดที่ให้บรรยากาศดังท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จับคู่กับตัวเรือนทองขาว 18K อย่างสวยงามลงตัว และพื้นหน้าปัดอเวนจูรีนสีดำสนิทที่พราวระยับด้วยเกล็ดประกาย จับคู่กับตัวเรือนทองกุหลาบ 18K ในภาพลักษณ์ที่หรูหราอย่างเต็มอารมณ์ ในขนาดที่เท่ากันคือ 41.0 มิลลิเมตร กันน้ำ 30 เมตร กระจกหน้าปัดคริสตัลแซพไฟร์ ขอบหน้าปัดเคลือบเป็นสีดำขลับ ติดตั้งสเกลเวลา 60 นาที แสดงเวลาแบบ 2 เข็ม พร้อมเผยความตระการตาของจักรกล ‘Flying Tourbillon’ ซึ่งจัดแสดงอยู่ภายในช่องหน้าต่างกลมขนาดใหญ่บริเวณ 6 นาฬิกา
การทำงานเป็นหน้าที่ของกลไก ‘In-house’ (อินเฮาส์) ออโตเมติกทูร์บิญอง Cal.2950 ที่ติดตั้งกลไก ‘Flying Tourbillon’ เข้ากับแท่นเครื่องตัวหลัก มีอัตราความถี่ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง ประดับทับทิมกันสึก 27 เม็ด สามารถสำรองพลังงานได้ 65 ชั่วโมง และขึ้นลานผ่านโรเตอร์ทองขาวหรือทองกุหลาบ 22K แบบเจาะโปร่ง เพื่อมิให้เป็นการบดบังความงามอันล้ำเลิศของจักรกล สามารถชื่นชมได้อย่างเต็มตาผ่านฝาหลังที่กรุด้วยคริสตัลแซพไฟร์ใส ประกอบกับสายหนังจระเข้ตัดเย็บด้วยมือ ผลิตในรูปแบบปกติ แต่จัดจำหน่ายแบบ ‘Boutique Exclusive’ (บูติก เอ็กซ์คลูซีพ) เท่านั้น โดยตั้งราคาไว้ที่ 133,000 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 4.4 ล้านบาท