by: ‘TomyTom’
พูดถึงชื่อ ‘Bamford’ (แบมฟอร์ด) ผู้คลั่งไคล้นาฬิกาหลายคนคงนึกถึงแต่ผลงานการปรับแต่งนาฬิกาแบรนด์หรูที่กระทำกันออกมาหลากแบบหลายรุ่นจนเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว หากแต่ที่จริงแล้ว Bamford ก็มีการแตกกิ่งก้านสาขาออกมาเป็นงานผลิตนาฬิกาภายใต้แบรนด์ของตนเองซึ่งใช้ชื่อว่า Bamford London (แบมฟอร์ด ลอนดอน) ด้วย และนาฬิการูปแบบภาคสนามหรือ ‘Field Watch’ (ฟิลด์ วอทช์) คอลเลกชั่น Bamford B80 Titanium Watch (แบมฟอร์ด บีเอจตี ไทเทเนียม วอทช์) ที่เห็นอยู่นี้ก็คือผลผลิตล่าสุดจาก Bamford London โดยเปิดตัวออกมาพร้อมกันถึง 3 สไตล์ และเลข 80 ในชื่อรุ่นก็นำมาจากเลขที่ 80 ถนนเซาธ์ ออเดลย์ อันเป็นสถานที่ตั้งของ ‘Bamford Watch Department’ (แบมฟอร์ด วอทช์ ดีพาร์ทเมนต์) หรือ ‘BWD’ (บีดับเบิลยูดี) แหล่งสร้างสรรค์ของนาฬิกา Bamford นั่นเอง
รูปลักษณ์ของคอลเลกชั่นนี้ มาในดีไซน์คลาสสิกเรือนกลมที่ดูสมสัดสมส่วนและเรียบง่าย ออกไปทางอุปกรณ์บอกเวลาคู่ข้อมือมากกว่าจะเน้นความเลอเลิศงดงาม แต่เมื่อเป็นผลผลิตภายใต้บงการของ George Bamford (จอร์จ แบมฟอร์ด) ผู้ก่อตั้ง ‘BWD’ ก็ต้องมีอะไรเร้นอยู่ในกายหยาบนี้เป็นแน่ และสิ่งนั้นก็ชัดเจนขึ้นเมื่อได้เห็นนาฬิกา B80 Titanium Watch ใน 3 สไตล์พร้อมกัน นั่นก็คือการออกแบบองค์ประกอบและการให้สีสันที่แต่ละสไตล์จะมีบุคลิกภาพเฉพาะตัวที่โดดเด่นและแตกต่างกันอย่างชัดเจน บนเรือนร่างที่มีคุณลักษณะเดียวกันทั้งตัวเรือนและกลไก
ตัวเรือนของ Bamford B80 Titanium Watch มาในวัสดุไทเทเนียมตามชื่อ โดยใช้เป็นผิวด้านแบบพ่นทรายเม็ดหยาบ วัดขนาดได้ 39.0 มิลลิเมตร หนา 10.5 มิลลิเมตร ซึ่งดูไม่ใหญ่โตเกินเลยสถานะนาฬิกาภาคสนาม ขอบตัวเรือนออกแบบราบ และมีขนาดพอเหมาะแก่ลักษณะของนาฬิกาภาคสนามแบบคลาสสิก ฝาหลังเป็นไทเทเนียมแผ่นทึบไม่ต้องอวดกลไก กระจกหน้าปัดแซพไฟร์คริสตัลบานกว้าง เม็ดมะยมทรงกระบอกใหญ่หนา เซาะแนวร่องหยาบให้จับหมุนได้ง่ายเป็นแบบขันเกลียวเพื่อให้กันน้ำถึงระดับ 100 เมตร ตามที่ระบุไว้อย่างมั่นใจ ระยะความกว้างของขาสายอยู่ที่ 20.0 มิลลิเมตร ก็ดูรับกับขนาดตัวเรือนอย่างพอเหมาะ ตัวล็อกสายเป็นหัวเข็มขัดที่ทำจากไทเทเนียม ทั้งหมดนี้ทำให้ดูเป็นนาฬิกาที่มีความทนทานสูง และพร้อมที่จะออกลุยไปกับเจ้าของในทุกสภาพแวดล้อม
เมื่อเป็นนาฬิกาที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานภาคสนาม กลไกที่ใช้ก็จะต้องมีประสิทธิภาพในระดับที่วางใจได้ ทั้งในเรื่องความทนทาน ความเที่ยงตรง และความง่ายต่อการบำรุงรักษา กลไกอัตโนมัติ ขนาด 25.6 มิลลิเมตร จำนวนทับทิม 25 เม็ด ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง บอกเวลาแบบ 3 เข็ม ไร้วันที่ พร้อมฟังก์ชั่นหยุดเข็มวินาทีขณะตั้งเวลา Cal.SW300-1 ของ ‘Sellita’ (เซลลิตา) ซึ่งเป็น Cal.SW300-1 เจเนอเรชั่นใหม่ที่ปรับปรุงให้สำรองพลังงานได้นานขึ้นจากเดิม 42 ชั่วโมง มาเป็น 56 ชั่วโมงแล้ว จึงถูกเลือกมาใช้เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ว่ามา
สไตล์ที่เรียกว่า Bamford B80 Heritage (แบมฟอร์ด บีเอจตี เฮอริเทจ) จะมากับหน้าปัดสีด้านผิวหยาบ ติดตั้งหลักชั่วโมงเลขอารบิก 3 ตำแหน่งที่ 3, 6 และ 9 นาฬิกา โดยที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้า และตำแหน่งที่เหลือเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทั้งหมดนี้ฉาบด้วยสารเรืองแสงสีขาว ส่วนเข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีซึ่งเป็นทรงเหลี่ยมสีดำก็มีการฉาบสารเรืองแสงสีขาวโดยเว้นส่วนกลางให้ปรากฏเป็นขีดสีดำที่ช่วยสร้างความชัดเจนในการดูเวลาได้ดี เข็มวินาทีใช้ทรงลูกศร ขีดสเกลบริเวณริมหน้าปัดเป็นแบบเส้นเรียว แบ่งเป็นรายนาที-วินาทีอย่างชัดเจน และมีการใช้เส้นที่ยาวกว่าในทุกตำแหน่งหลัก 5 ด้วย โดยนำเสนอมา 2 เวอร์ชั่น คือเวอร์ชั่นหน้าปัดสีกรมท่า ร่วมกับเข็มวินาทีกับขีดสเกลทุกหลัก 5 และข้อความ ‘Automatic’ (ออโตเมติก) กับ ‘Swiss Made’ (สวิส เมด) สีเหลือง และใช้สีขาวกับสเกลตำแหน่งอื่นๆ กับชื่อ ‘Bamford’ และเวอร์ชั่นหน้าปัดสีดำ ที่มากับเข็มวินาที ขีดสเกลทุกหลัก 5 และข้อความ 2 ตำแหน่งสีแดง โดยสายที่ติดตั้งมากับแต่ละเวอร์ชั่นจะเป็นสายผ้าลายทอแข็งแรงที่เป็นสีโทนเดียวกับหน้าปัด และเย็บด้วยด้ายสีเดียวกับเข็มวินาที
ส่วนสไตล์ที่เรียกว่า Bamford B80 Modern (แบมฟอร์ด บีเอจตี โมเดิร์น) จะใช้หน้าปัดสีดำด้านผิวละเอียดที่ติดตั้งหลักชั่วโมงเลขอารบิกฉาบสารเรืองแสงมาครบทั้ง 12 ตำแหน่ง โดยมีสเกลนาที-วินาทีเป็นแบบเส้นขีดเรียวแต่ที่ตำแหน่งทุกหลัก 5 จะสั้นกว่าตำแหน่งที่เหลือ มีออกมา 2 เวอร์ชั่น คือเวอร์ชั่นที่ใช้สารเรืองแสงสีเหลืองนีออนฉาบหลักชั่วโมง และมีสีเหลืองเดียวกันเป็นเส้นกลางเข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีสีดำ ร่วมด้วยสเกลนาทีหลัก 5 กับเข็มวินาที และข้อความ ‘Automatic’ กับ ‘Swiss Made’ เป็นสีฟ้า และสเกลนาทีที่เหลือเป็นสีแดงเข้ม จึงมีเฉพาะสารเรืองแสงบนเข็มชั่วโมงกับนาทีทรงเหลี่ยม และชื่อ Bamford เท่านั้นที่เป็นสีขาว และติดตั้งมากับสายหนังสีดำผิวหยาบ เย็บตะเข็บด้ายคู่เป็นสีฟ้ากับสีแดง และเวอร์ชั่นที่ดูเรียบง่ายกว่ากัน ซึ่งทั้งสารเรืองแสงบนหลักชั่วโมง เข็มชั่วโมงกับเข็มนาที ล้วนเป็นสีขาว ร่วมด้วยสเกลและข้อความต่างๆ ตลอดจนเข็มวินาทีที่ใช้เป็นสีขาวทั้งหมด แต่มีการแทรกสีฟ้าอ่อนไว้เป็นเส้นกลางเข็มชั่วโมงกับเข็มนาที และจับคู่มากับสายผ้าสีดำเย็บด้ายสีฟ้าอ่อน
อีกสไตล์หนึ่งถูกให้ชื่อว่า Bamford B80 Adventure (แบมฟอร์ด บีเอจตี แอดเวนเจอร์) ซึ่งดูวินเทจที่สุด พากันมาถึง 3 เวอร์ชั่น ด้วยกัน โดยมีลักษณะร่วมคือ สีหน้าปัดแบบไล่เฉดจากสว่างที่พื้นที่ส่วนกลาง ไล่สู่ความมืดที่ส่วนริม ดีไซน์ของหลักชั่วโมงสารเรืองแสงทรงสี่เหลี่ยมที่มีตำแหน่ง 3, 6, 9 และ 12 นาฬิกา เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า และตำแหน่ง 12 นาฬิกา จะยาวกว่าตำแหน่งอื่นๆ ทั้งหมดนี้มีเส้นขีดกรอบอยู่ครึ่งหนึ่งทางฝั่งด้านใน ส่วนด้านนอกเป็นการพิมพ์เส้นขีดเป็นสเกลนาที-วินาที โดยมีหลัก 5 ลากยาวกว่าตำแหน่งอื่นๆ และเข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีทีมีรูปทรงและวางเส้นสายมาคล้ายกับดินสอ โดยฉาบสารเรืองแสงไว้ในร่อง ส่วนเข็มวินาทีก็เป็นทรงลูกศรเหมือนกับสไตล์อื่นๆ ความแตกต่างของแต่ละเวอร์ชั่นอยู่ที่ชุดสี ได้แก่ เวอร์ชั่นหน้าปัดสีเขียวเข้มที่มากับสารเรืองแสงบนหลักชั่วโมงและเข็มสีขาว ร่วมด้วยเข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีสีขาวนวล ตัดด้วยสีแดงเข้มของเข็มวินาที สเกลและขีดในหลัก 5 และข้อความ ‘Automatic’ ส่วนสเกลและข้อความอื่นๆ เป็นสีขาว จับคู่กับสายผ้าสีเขียวเย็บด้ายสีแดง เวอร์ชั่นหน้าปัดสีส้มที่มากับสารเรืองแสงบนหลักชั่วโมงและเข็มสีขาวนวล และใช้เข็มเป็นสีน้ำตาลช็อกโกแลต โดยมีสเกลหลัก 5 กับเส้นขีดกรอบและข้อความ ‘Automatic’ เป็นสีดำ ส่วนสเกลและข้อความที่เหลือจะเป็นสีขาวนวล จับคู่สายหนังฟอกสีน้ำตาลทรายและเย็บหัวสายด้วยด้ายสีส้ม และเวอร์ชั่นหน้าปัดสีน้ำตาลวอลนัท พร้อมหลักชั่วโมง สเกล และชื่อแบรนด์สีขาว เข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีสีดำเคลือบสารเรืองแสงสีขาว และมีเข็มวินาที สเกลกับขีดและข้อความ ‘Automatic’ กับ ‘Swiss Made’ เป็นสีฟ้าอ่อน จับคู่สายผ้าสีน้ำตาลเย็บด้ายสีขาว
Bamford ตั้งราคาจำหน่ายคอลเลกชั่น Bamford B80 Titanium Watch เอาไว้ที่ 1,250 ปอนด์ หรือราว 52,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่รวมภาษีขายแล้ว หากใครสนใจก็สามารถสั่งได้โดยตรงที่เว็บไซต์ของทางแบรนด์ bamfordlondon.com แต่ละเรือนจะบรรจุมาในกล่องแบบเลื่อนสไลด์ใช้สีสันและลวดลายตกแต่งคล้ายกับบนตัวถังรถแข่งในยุคก่อน โดยมีชุดสีที่สอดคล้องกับเวอร์ชั่นของนาฬิกา และทาง Bamford ยังแจ้งอีกว่า คอลเลกชั่นนี้เป็นงานผลิตแบบจำนวนจำกัด แต่ไม่ได้บอกจำนวนการผลิตเอาไว้ และไม่มีการระบุลำดับเรือนไว้แต่อย่างใด
