by: ‘TomyTom’
Edox (เอด็อกซ์) ยกระดับความเลิศให้กับสายพันธุ์นาฬิกาดำน้ำ Neptunian (เนปจูเนียน) ของตนให้สูงขึ้นอีกขีดขั้น ด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบรอใหม่ที่สำรองพลังงานได้นานถึง 68 ชั่วโมง บรรจุมาในตัวเรือนขนาดใหม่ 42.0 มิลลิเมตร ที่กันน้ำได้ถึงระดับความลึก 300 เมตร โดยให้ชื่อต่อท้ายนาม Neptunian รุ่นที่ออกมาใหม่นี้อย่างไพเราะว่า Grande Réserve Date Automatic (กรองด์ เรแสร์ฟ ดาท โอโตมาติก)
Neptunian เป็นสายพันธุ์นาฬิกาดำน้ำที่วิวัฒนาการมาจาก SkyDiver (สกายไดเวอร์) อีกสายพันธุ์นาฬิกาสปอร์ตอันโด่งดังที่ Edox ให้กำเนิดขึ้นเมื่อราว 5 ทศวรรษก่อน แรกเริ่มเดิมทีนั้นเป็นการสร้างเพื่อกลุ่มนายทหารระดับสูงโดยเฉพาะ ปัจจุบัน Edox นำ SkyDiver กลับมาสร้างขึ้นใหม่ในรูปลักษณ์สไตล์วินเทจ เท่ากับว่า Neptunian มีสถานะเป็นนาฬิกาสปอร์ตสำหรับดำน้ำในรูปแบบร่วมสมัยของ Edox นั่นเอง และ Neptunian Grande Réserve Date Automatic ก็เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของตระกูล ที่ทางแบรนด์นำกลไกคาลิเบรอใหม่ Cal.808 ซึ่งเป็นกลไกอัตโนมัติ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 25.6 มิลลิเมตร จำนวนทับทิม 24 เม็ด ความถี่การทำงาน 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง บอกเวลา 3 เข็ม พร้อมวันที่ ซึ่งให้พลังงานสำรองได้นานถึง 68 ชั่วโมง มาประจำการ นั่นหมายถึงหากเจ้าของสวมใส่นาฬิการุ่นนี้เป็นประจำในวันทำงานจันทร์ถึงศุกร์ ก็สามารถถอดนาฬิกาวางไว้ตลอดวันเสาร์และวันอาทิตย์ แล้วหยิบขึ้นมาคาดข้อมือใช้งานใหม่ในวันจันทร์ได้โดยที่ไม่ต้องปรับตั้งเวลาและไขเม็ดมะยมขึ้นลานกันอีกต่อไป อันเป็นคุณสมบัติของนาฬิกาที่เรียกกันว่า ‘Weekend-proof’ (วีกเอนด์พรูฟ)
กลไก Cal.Edox 808 นี้ แท้จริงแล้วก็คือ Cal.G100 ของ ‘La Joux-Perret’ (ลา ฌูซ์-แปเรต์) ผู้ผลิตกลไกสวิสชื่อดัง ซึ่งปัจจุบันมีสถานะเป็นบริษัทในกลุ่ม Citizen (ซิติเซน) นั่นเอง โดยโรเตอร์แผ่นทึบเคลือบโรเดียมที่ตกแต่งลายแถบริ้วร่วมกับการปัดลายเส้นเป็นแนวมาอย่างเรียบง่ายสวยงาม ยึดกับตลับลูกปืนด้วยสกรูสีน้ำเงิน 3 ชิ้น นั้น ประทับตราสัญลักษณ์ของ Edox ร่วมกับข้อความบอกจำนวนทับทิมและข้อความ ‘Swiss Made’ (สวิส เมด) เอาไว้
กลไกคาลิเบรอใหม่นี้บรรจุอยู่ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลดีไซน์สปอร์ตร่วมสมัย พร้อมบ่าปกป้องเม็ดมะยมแนวโค้งปาดเหลี่ยม ขนาดใหม่ 42.0 มิลลิเมตร (เล็กกว่าขนาด 44.0 มิลลิเมตร กันน้ำ 1,000 เมตร ของ Neptunian Automatic) ผนึกกระจกหน้าปัดแซพไฟร์คริสตัลซึ่งมีความหนาถึง 3.0 มิลลิเมตร พร้อมเม็ดมะยมขนาดใหญ่หนาชนิดขันเกลียวที่มีแหวนยางโอริงแบบ 2 ชั้น และฝาหลังแบบแผ่นทึบขันเกลียวที่ปั๊มส่วนกลางเป็นภาพ ‘โพไซดอน’ เทพเจ้าแห่งมหาสมุทรผิวนูนต่ำขัดเงา บนพื้นพ่นทราย ล้อมด้วยแนวร่องแบบขอบเหรียญ ซึ่งร่วมกันมอบคุณสมบัติการกันน้ำได้ถึงระดับ 30 เอทีเอ็ม หรือเทียบเท่าความลึก 300 เมตร โดยมีขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ทิศทางเดียวที่มีแนวขอบเป็นแบบร่องเหรียญ ผนึกด้านบนด้วยแผ่นวงแหวนเซรามิกสลักสเกล 60 นาที สำหรับปรับตั้งระยะเวลาที่อยู่ใต้ผิวน้ำ จับคู่มากับสายสเตนเลสสตีลดีไซน์สปอร์ตแบบ 3 แถว โดยมีแถวกลางเป็นผิวขัดเงา ขณะที่แถวริมเป็นผิวปัดลายเช่นเดียวกับผิวฝั่งด้านหน้าของตัวเรือน รัดข้อมือด้วยตัวล็อกแบบปีกผีเสื้อ ปลดล็อกด้วยปุ่มกดคู่
หน้าปัดของรุ่นนี้มาแบบเรียบง่าย เน้นความชัดเจนในการอ่านค่าเป็นสำคัญ โดยออกแบบใหม่ให้มีหลักชั่วโมงเป็นชิ้นโลหะทรงกลม ร่วมกับแท่งห้าเหลี่ยมแนวยาวที่ตำแหน่ง 6 กับ 9 นาฬิกา และมีตำแหน่ง 12 นาฬิกาเป็นแท่งห้าเหลี่ยมกว้าง พร้อมพิมพ์สเกลนาที-วินาทีเป็นเส้นขีด ให้เข็มชั่วโมงทรงดาบกว้างชิ้นสั้น เข็มนาทีทรงดาบกว้างหัวศรขนาดใหญ่ และเข็มวินาทีทรงเรียวที่มีแป้นกลมซึ่งออกแบบขึ้นใหม่ชี้แสดงค่า โดยเข็มทั้ง 3 หลักชั่วโมงทั้ง 11 และจุดกลมในแถบสามเหลี่ยมบนขอบตัวเรือน แต้มสารเรืองแสง ‘Super-LumiNova’ (ซูเปอร์ลูมิโนวา) เกรด ‘X1’ (เอ็กซ์วัน) สีขาวที่เรืองแสงเป็นสีเขียวมาให้อย่างเต็มที่ อีกทั้งหลักชั่วโมงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ยังแบ่งแถบเรืองแสงออกเป็น 2 ฝั่ง ให้สังเกตได้ง่ายด้วย ส่วนหน้าต่างวันที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมขอบมน เจาะไว้ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา โดยมีจานวันที่เป็นสีขาวพิมพ์เลขสีดำ ซึ่งใช้แทนหลักชั่วโมง ณ ตำแหน่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์ แล้วล้อมทั้งหมดด้วยขอบหน้าปัดแนวลาดผิวปัดลายเส้นแนววงที่ด้านบนพิมพ์ข้อความประกาศความสามารถในการกันน้ำของนาฬิกาไว้อย่างชัดเจน ส่วนบนหน้าปัดก็พิมพ์ตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมข้อความบอกว่าใช้กลไกอัตโนมัติ ชื่อรุ่น Neptunian Grande Réserve และ ‘Swiss Made’ อันเป็นสาระสำคัญของนาฬิกาเอาไว้ด้วย
Edox นำเสนอ Neptunian Grande Réserve Date Automatic มาพร้อมกัน 5 เวอร์ชั่น คือแบบหน้าปัดและขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำ พร้อมสเกลและข้อความสีขาว กับหลักชั่วโมงและเข็มเคลือบโรเดียมเงา แบบหน้าปัดและขอบตัวเรือนเซรามิกสีน้ำเงิน พร้อมสเกลและข้อความสีขาว กับหลักชั่วโมงและเข็มเคลือบโรเดียมเงา แบบหน้าปัดและขอบตัวเรือนเซรามิกสีเขียว พร้อมหลักชั่วโมงและเข็มเคลือบโรเดียมเงา สเกลสีขาว และข้อความสีขาวกับสีส้ม แบบหน้าปัดสีฟ้าไล่เฉด ขอบตัวเรือนเซรามิกสีขาวร่องสเกลสีฟ้า พร้อมหลักชั่วโมงและเข็มเคลือบโรเดียมเงา กับสเกลและข้อความสีน้ำเงิน และแบบหน้าปัดและขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำพร้อมสเกลและข้อความสีขาว ที่เสริมความหรูหราด้วยการเคลือบสีทองกุหลาบขัดเงาให้กับเข็ม หลักชั่วโมง และขอบตัวเรือน แล้วลงสีทองกุหลาบในร่องสเกลบนขอบตัวเรือน โดยทุกเวอร์ชั่นกำหนดราคาไว้เท่ากันหมดที่ 1,665 ฟรังก์สวิส หรือราว 67,000 บาท ซึ่งคุ้มค่ามากสำหรับนาฬิกาดำน้ำสวิสที่มีคุณสมบัติระดับนี้