by: ‘Mr.Big’
2 ปีที่แล้ว Glashütte Original (กลาสฮุตเตอ โอริกินาล) ได้แนะนำนาฬิกาคอลเลกชั่นพิเศษ PanoInverse Limited Edition (พาโนอินเวิร์ส ลิมิเต็ด เอดิชั่น) ซึ่งมาพร้อมงานตกแต่งแท่นเครื่องแบบกลับด้านด้วยลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมคลาสสิกของยอดโดมแก้วบนอาคาร ‘Dresden Academy of Fine Arts’ (เดรสเดน อคาเดมี ออฟ ไฟน์ อาร์ตส) มาถึงในปีนี้ก็ได้สร้างสรรค์ PanoInverse ในแบบ ‘Limited Edition’ ขึ้นอีกครั้ง โดยยังคงนำความงามของสถาปัตยกรรมมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งแท่นเครื่องอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้มีรูปแบบและอารมณ์ที่แตกต่างไปจากรุ่นที่แล้วโดยสิ้นเชิง เพราะนำเอาเสน่ห์ของงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่แห่งป่าคอนกรีตมานำเสนอเป็นลวดลายที่สวยงามแปลกตา และน่าสนใจอย่างยิ่ง
PanoInverse Limited Edition รุ่นใหม่นี้ เผยโฉมด้วยความแตกต่างกับงานแกะสลักลวดลายบนแท่นเครื่องที่ทำหน้าที่เป็นผืนผ้าใบและหน้าปัดไปในตัว โดยรังสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคยิงเลเซอร์พร้อมเคลือบโรเดียมในรูปแบบสตรีทอาร์ต อันได้แรงบันดาลใจจากหมู่ตึกของมหานครใหญ่ ภาพอาคารสูงจำนวนมากในมุมมอง ‘Bird Eye View’ (เบิร์ด อาย วิว) ได้รับการแกะสลักอย่างประณีตทั้ง 2 ฝั่ง โดยฝั่งหน้าปัดเป็นภาพหมู่ตึกจำนวนมากในรูปทรงต่างๆ ตั้งเรียงซ้อนบนพื้นที่แต่งเป็นผิวเกรนและเคลือบสีเทา อาคารทุกหลังได้รับการเก็บรายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นช่องหน้าต่าง ดีไซน์ผนัง แนวกระจก ฯลฯ
ในขณะที่ด้านหลังก็เป็นงานสลักภาพตึกระฟ้าบนพื้นผิวแบบเดียวกัน แต่เป็นทิวทัศน์และรายละเอียดที่แตกต่างออกไป โดยด้านนี้สามารถมองเห็นป้ายบิลบอร์ดของ Glashütte Original อย่างโดดเด่น รวมถึงป้ายบิลบอร์ดและป้ายไฟยอดตึกอื่นๆ ที่บ่งบอกคุณสมบัติของนาฬิกาเรือนนี้ไปในตัว ทั้งยังมีรายละเอียดเล็กๆ ที่แอบซ่อนเอาไว้ให้ค้นหาอย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเช็ดกระจกที่กำลังทำงาน ศิลปินที่กำลังพ่นสเปรย์ภาพกราฟิตี้โลโก้ Glashütte Original และคนที่กำลังมองดูเราจากบนระเบียงอาคาร
ด้านเลย์เอาท์ดีไซน์ของนาฬิกาเรือนนี้ ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ PanoInverse ที่คุ้นเคยกันดี แผ่นแท่นเครื่องที่เป็นฐานหน้าปัดได้รับการเปิดบางส่วน เผยให้เห็นจักรกลอกขนาดใหญ่ ที่รองด้วยสะพานจักรที่แกะสลักภาพตึกระฟ้าซึ่งดูต่อเนื่องกับภาพหลัก พร้อมอวดความงามชดช้อยของคอหงส์ทดกำลังแบบดูเพล็กซ์บริเวณมุมขวาล่าง ซึ่งปกติแล้วจักรกลเหล่านี้จะทำงานอยู่ใต้ผืนหน้าปัด สามารถเห็นได้ทางด้านหลังตัวเรือน แต่เมื่อเป็นการวางกลไกแบบกลับด้าน การทำงานในส่วนนี้จึงถูกพลิกมาให้ชมกันชัดๆ ทางด้านหน้า โดยจัดแสดงควบคู่ไปกับการแสดงชั่วโมงและนาทีด้วยเข็มทองขาว 18K ทรง ‘Alpha’ (อัลฟา) บนแผ่นหน้าปัดเยื้องศูนย์สีเทาแอนธราไซต์ผิวทราย เคลือบ ‘Vanish’ (วานิช) ซ้อนด้วยวงหน้าปัดย่อยแสดงวินาที เสริมด้วยเข็มแสดงค่าพลังงานสำรองบริเวณ 1 นาฬิกา
การทำงานเป็นการขับเคลื่อนด้วยกลไก ‘In-house’ (อินเฮาส์) ไขลาน Cal.66-12 ซึ่งผ่านการปรับตั้งความเที่ยงตรง 5 ตำแหน่ง มีความถี่ที่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง ติดตั้งทับทิมกันสึก 31 เม็ด พร้อมความสามารถในการสำรองพลังงาน 41 ชั่วโมง บรรจุในตัวเรือนแพลทินัมขัดเงาขนาด 42.0 มิลลิเมตร หนา 12.0 มิลลิเมตร กันน้ำ 50 เมตร กรุหน้าปัดและฝาหลังด้วยคริสตัลแซพไฟร์เคลือบสารกันการสะท้อน ประกอบกับสายหนังจระเข้แบบนูบัคสีเทาดำพร้อมตัวล็อกสายแบบบานพับที่ผลิตจากแพลทินัม ผลิตมาให้เป็นเจ้าของกันแค่ 50 เรือนทั่วโลก ปรากฏราคาจำหน่ายสำหรับประเทศไทยที่ 1.752 ล้านบาท โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมเป็นต้นไป