by: ‘TomyTom’
เปิดตัวแล้วสำหรับนาฬิการุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัดของ Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) เพื่อผองชน ‘GS9 Club’ (จีเอสไนน์ คลับ) แห่งประเทศไทย เอดิชั่นสุดท้ายในฤดูกาล 2023-2024 กับจำนวนผลิตเพียง 65 เรือน เท่านั้น โดยทางแบรนด์เลือกธีม ‘The Snow Flake of Shinshu’ (เดอะ สโนว์เฟลก ออฟ ชินชู) รูปแบบหน้าปัดนาฬิกาที่มหาชนชื่นชอบมาตั้งแต่ ค.ศ. 2005 มาใช้ในการสร้างสรรค์หน้าปัดนาฬิกา Sport Spring Drive GMT (สปอร์ต สปริงไดรฟ์ จีเอ็มที) รุ่นสุดแสนพิเศษ รหัส SBGE297 รุ่นนี้
‘The Snowflake of Shinshu’ คือการนำแรงบันดาลใจจากทัศนียภาพและหิมะในฤดูหนาวของท้องถิ่นชินชู อันเป็นสถานที่ตั้งแห่งสตูดิโอผลิตนาฬิกา ‘Spring Drive’ (สปริง ไดรฟ์) นาม ‘Grand Seiko Shinshu Watch Studio’ (แกรนด์ ไซโก ชินชู วอทช์ สตูดิโอ) มาใช้เป็นสารตั้งต้นในการสร้างสรรค์ธีมตกแต่งหน้าปัดนาฬิกา GS9 Club Thailand Limited Edition (จีเอสไนน์ คลับ ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด เอดิชั่น) รุ่นนี้ โดยสะท้อนความงดงามของหิมะเมื่อกระทบกับแสงยามเช้า จนเกิดประกายระยิบระยับ ซึ่งเป็นรูปแบบงานตกแต่งที่ผู้คนมากมายชื่นชอบ และที่สำคัญก็คือ เป็นครั้งแรกที่นำรูปแบบลายหน้าปัด ‘Snowflake’ เช่นนี้มาใช้กับนาฬิกาในคอลเลกชั่น Sport ของ Grand Seiko โดยหน้าปัด ‘Snowflake’ ของนาฬิการุ่นนี้เป็นการนำแผ่นโลหะเงินมาผ่านกระบวนการสร้างอย่างพิถีพิถันถึง 9 ขั้นตอน เพื่อให้เกิดเป็นลวดลายและสีขาวกระจ่างดุจผลึกหิมะ
หลักชั่วโมง เข็มชั่วโมง เข็มนาที และเข็มบอกพลังงานสำรอง ที่ถูกตัดเจียรและขัดเงามาอย่างงดงามใช้สีเงินเพื่อให้กลมกลืนกับสีผิวของหน้าปัด หากแต่ยังมองเห็นและอ่านค่าได้อย่างชัดเจนจากประกายและมิติอันเงางาม ร่วมกับสเกลนาที-วินาที ที่ประทับพิมพ์ด้วยสีดำเช่นเดียวกับข้อความต่างๆ ขณะที่มาตรสเกลบอกพลังงานสำรองเป็นสีเงินสลับกับสีดำ แล้วจึงตัดด้วยสีทองอร่ามตาของสัญลักษณ์ ‘GS’ (จีเอส) และเข็ม GMT (จีเอ็มที) ที่จงใจสื่อถึงแสงแดดสีทองของท้องถิ่นชินชูในยามเช้า อีกทั้งเพื่อคงความเป็นนาฬิกาสปอร์ตไว้ จึงเคลือบสารเรืองแสง ‘LumiBrite’ (ลูมิไบรท์) สีขาวไว้บนตำแหน่งหลักชั่วโมง 12, 3, 6 และ 9 นาฬิกา รวมถึงบนเข็มชั่วโมง เข็มนาที และเข็ม GMT ทั้งหมดนี้ถูกล้อมด้วยวงแหวนขอบหน้าปัดแนวลาดชันพื้นสีน้ำเงินเข้มสลับขาว สลับสีกับสเกล 24 ชั่วโมง ที่ประทับพิมพ์ไว้ เพื่อแยกแยะช่วงเวลากลางคืน-กลางวันอย่างชัดเจน ให้สะดวกง่ายดายต่อการอ่านค่าแม้เพียงชำเลืองมอง เสริมด้วยการเคลือบจุดกลม ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา บนวงขอบหน้าปัดด้วย ‘LumiBrite’ สีขาว เพื่อเป็นหลักให้ทราบว่านี่คือตำแหน่ง 12 นาฬิกา ส่วนจานวันที่นั้นใช้เป็นพื้นสีขาวพิมพ์เลขสีดำ
ตัวเรือนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40.5 มิลลิเมตร ประกอบเข้ากับขอบตัวเรือนเซรามิกสีกรมท่า ตัดกับร่องสลักหลักชั่วโมงแบบ 24 ชั่วโมง เป็นตัวเลขสลับกับจุดกลมที่ลงร่องด้วยสีขาวเพื่อให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเป็นการสลับเลขคู่-คี่กับวงขอบหน้าปัด ตัวเรือนกันน้ำได้ถึงระดับ 20 บาร์ เทียบเท่า 200 เมตร เพื่อให้สมประโยชน์ความเป็นนาฬิกาสปอร์ต เช่นเดียวกับเม็ดมะยมชนิดขันเกลียวที่วางตำแหน่งไว้ ณ 4 นาฬิกา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ลดโอกาสในการกระทบกระแทกลงได้มาก และกระจกหน้าปัดแซพไฟร์คริสตัลแบบโค้งทั้ง 2 ฝั่ง ที่เคลือบสารกันแสงสะท้อนไว้บนผิวด้านในเพื่อความชัดเจน สวมคู่มากับสายสเตนเลสสตีลดีไซน์สปอร์ต ล็อกด้วยบานพับ 3 ทบ ปลดล็อกด้วยปุ่มกด ส่วนฝาหลังสำหรับรุ่นนี้เป็นแบบแผ่นทึบขันเกลียวที่สวยงามด้วยภาพสลักนูนเป็นตราสัญลักษณ์สิงโตแห่ง Grand Seiko บ่งบอกความพิเศษด้วยข้อความ ‘1 of 65’ (วัน ออฟ ซิกซ์ตีไฟว์) และ ‘GS9 Club Limited Edition’
การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของกลไก ‘In-house’ (อินเฮาส์) ‘Spring Drive’ แบบขึ้นลานอัตโนมัติ จำนวนทับทิม 30 เม็ด Cal.9R66 สำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง พร้อมเข็มแสดงให้ทราบถึงปริมาณลานที่เหลืออยู่ บอกเวลาแบบ 3 เข็ม พ่วงด้วยเข็มบอกเวลาที่ 2 แบบ 24 ชั่วโมง และมีฟังก์ชันวันที่ซึ่งเชื่อมโยงการทำงานกับเข็มสั้นอันเป็นเข็มบอกเวลาท้องถิ่น ให้ความเที่ยงตรงในการทำงานโดยเฉลี่ยสูงถึง +/-1 วินาที/วัน หรือ +/-15 วินาที/เดือน
Grand Seiko ตั้งราคาจำหน่ายสำหรับ Sport Collection Spring Drive GMT Limited Edition SBGE297 ผลิตจำนวนจำกัด 65 เรือน รุ่นนี้ไว้ที่ 250,000 บาท โดยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2023 เป็นต้นไปผ่านช่องทางการลงทะเบียนจองที่ https://www.grandseikoboutiquethailand.com/gs9-club-limited-edition-spring-drive-sbge297-snowflake/ และที่บูติก Grand Seiko ที่ศูนย์การค้าเกสร วิลเลจ เท่านั้น
