UN HEADER 23
UN HEADER 23
Home Articles LEICA ZM1 & ZM2 MONOCHROM EDITION - ดีเอ็นเอสุดเข้มจากกล้องถ่ายภาพรุ่นดัง

LEICA ZM1 & ZM2 MONOCHROM EDITION – ดีเอ็นเอสุดเข้มจากกล้องถ่ายภาพรุ่นดัง

by: ‘Mr.Big’

 

หลังจากที่แบรนด์กล้องถ่ายภาพชั้นนำสัญชาติเยอรมันที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 150 ปี อย่าง Leica (ไลกา) ได้รุกเข้าสู่ตลาดนาฬิกาหรูเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัวเรือนเวลาจักรกลไขลานรุ่น L1 และ L2 ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แรงบันดาลใจจากกล้อง Leica รุ่นดัง และยังมาพร้อมนวัตกรรมที่เป็นเอกสิทธิ์อย่างระบบกดปุ่มเพื่อตั้งเวลา หรือ ‘Push-piece’ (พุชพีซ) ซึ่งติดตั้งเอาไว้บนยอดเม็ดมะยม โดยการสร้างสรรค์ทั้งหมดทุกขั้นตอนไม่ได้เป็นการจ้างแบรนด์นาฬิกาที่ไหนให้มาผลิตแต่อย่างใด แต่ทั้งหมดเป็นงานสร้างสรรค์แบบ ‘In-house’ (อินเฮาส์) ภายในเวิร์กช็อป ‘Lehmann Präzision GmbH’ (เลห์มันน์ ปราซิชัน เกเอ็มเบฮา) ในภูมิภาคป่าดำ ‘Black Forest’ (แบล็ก ฟอเรสต์) ประเทศเยอรมนี บัดนี้ก็ได้เวลาที่แบรนด์กล้องชื่อดังจะเผยเอดิชั่นใหม่ให้กับผู้ที่สนใจอีกครั้ง ขอแนะนำ ZM Monochrome Edition (ซีร์เอ็ม โมโนโครม เอดิชั่น) ซีรีย์ที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แรงบันดาลใจจากกล้องถ่ายภาพรุ่นล่าสุดของแบรนด์อย่าง Leica M11 Monochrom (ไลกา เอ็มอีเลฟเวน โมโนครอม)

Leica M11 Monochrom Camera

Leica ZM Monochrome Edition Watches

 

เรือนเวลาซีรีย์นี้ เผยโฉมออกมา 2 รุ่น ได้แก่ ZM1 (ซีร์เอ็มวัน) และ ZM2 (ซีร์เอ็มทู) โดยความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นอยู่ที่ฟังก์ชันการทำงาน ซึ่ง ZM1 นำเสนอการแสดงเวลาแบบ 2 เข็มครึ่ง โดยแยกการแสดงวินาทีมาไว้บนหน้าปัดย่อยที่ติดตั้งอยู่เหนือ 6 นาฬิกา พร้อมช่องหน้าต่างแสดงวันที่ ณ 3 นาฬิกา และช่องแสดงโหมดการทำงานภายในช่องหน้าต่างทรงกลมเล็ก ซึ่งจะเปลี่ยนแถบสีจากสีขาวไปเป็นสีแดงเมื่อเข้าสู่โหมดตั้งเวลาด้วยการกดปุ่ม ‘Push-piece’ สำหรับการตั้งเวลา โดยการกดปุ่มนี้จะทำการรีเซตเข็มวินาทีไปยังตำแหน่ง 0 นาฬิกา โดยอัตโนมัติ เพื่อให้การตั้งเวลาเป็นไปด้วยความแม่นยำที่สุด ทั้งนี้ยังติดตั้งฟังก์ชันแสดงค่าพลังงานคงเหลือ จัดแสดงผ่านแถบช่องหน้าต่างยาวบริเวณ 8-9 นาฬิกา อีกด้วย

MITSUBISHI

 

ในขณะที่ ZM2 ถูกเสริมด้วยฟังก์ชันแสดงเวลาไทม์โซนที่ 2 ภายใต้เลย์เอาท์บนหน้าปัดแบบเดียวกับ ZM1 อย่างครบถ้วน แต่ปรับหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ให้เป็นเข็มแสดงเวลาไทม์โซนที่ 2 แทน โดยแสดงเวลาจะซิงก์กับช่องแถบสีที่วางเยื้องกับช่องหน้าต่างแสดงโหมดการทำงาน เพื่อแสดงช่วงกลางวัน-กลางคืนด้วย ในขณะที่กลไกการทำงานของทั้ง 2 รุ่น ใช้กลไกไขลานซึ่งตั้งชื่อคาลิเบรอตามชื่อรุ่นนั่นคือ Cal.ZM1 และ Cal.ZM2 ซึ่งมีสเปกที่คล้ายคลึงกัน ต่างกันแค่ฟังก์ชันการทำงานเท่านั้น โดยคาลิเบรอทั้ง 2 ได้รับการติดตั้งทับทิมกันสึก 26 เม็ด เดินกำลังด้วยความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง และมีค่าพลังการสำรองลานที่ 60 ชั่วโมง

 

ทั้ง ZM1 และ ZM2 นำเสนอมาในงานดีไซน์ตัวเรือนที่คล้ายคลึงกับรุ่นที่แล้ว รุกเร้าด้วยเสน่ห์แบบมินิมอลในกลิ่นอายแบบ ‘Bauhaus’ (บาวเฮาส์) ของตัวเรือนสเตนเลสสตีลเคลือบสีดำด้วยเทคนิค PVD ปัดผิวลายซาติน ขนาด 41.0 มิลลิเมตร กับความหนาที่ 14.5 มิลลิเมตร และเม็ดมะยมที่ติดตั้งปุ่มกด ‘Push-piece’ สีแดง พร้อมหน้าปัดอะลูมิเนียมไฮเกรดชุบโรเดียมสีดำ ซึ่งตกแต่งหลักชั่วโมง เข็ม และกรอบวงหน้าปัดย่อย ด้วยการชุบโรเดียมสีดำเพื่อให้ดูกลมกลืนกันทั้งหมด สะท้อนไปถึงคอนเซ็ปต์ของกล้องถ่ายภาพ M11 Monochrom โดยหน้าปัดของ ZM2 จะมีการเพิ่มรายละเอียดสเกลเวลา 12 ชั่วโมง ไว้รอบขอบหน้าปัด ผนึกหน้าปัดและฝาหลังด้วยคริสตัลแซพไฟร์เคลือบสารกันการสะท้อนทั้ง 2 ฝั่ง เพื่ออวดจักรกลชั้นดีที่เมด ‘In-house’ โดยแบรนด์กล้องชั้นนำ กันน้ำได้ 50 เมตร

 

และไม่ว่าจะเป็น ZM1 หรือ ZM2 ล้วนจับคู่มากับสายหนังลูกวัวผิวหยาบ หนาและแข็งแรง เช่นเดียวกับสายคล้องกล้องของ Leica พร้อมตัวล็อกสายสเตนเลสสตีลแบบหัวเข็มขัด เปิดราคามาให้เป็นเจ้าของกันที่ 9,900 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทยได้ราว 425,000 บาท สำหรับ ZM1 Monochrom และ 13,300 ปอนด์ หรือราวๆ 570,000 บาท ในรุ่น ZM2 Monochrom โดยมีกำหนดการวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมเป็นต้นไป เฉพาะบูติก Leica ที่ได้รับการคัดเลือก หรือผ่านทางเว็บไซต์ leica-camera.com

SEIKO JUNE 23 CONTENT RGT