by: ‘Mr.Big’
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว Maurice Lacroix (มอริซ ลาครัวซ์) ) ได้ประกาศเป็นพันธมิตรและผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการให้กับ ‘KOTC’ หรือ ‘King of the Court’ (คิง ออฟ เดอะ คอร์ท) การแข่งขันทัวร์นาเมนต์วอลเลย์บอลชายหาดชื่อดังระดับโลก ซึ่งในครั้งนั้นได้สร้างสรรค์เรือนเวลารุ่นพิเศษเพื่อเป็นสักขีพยานแห่งความร่วมมือ Aikon King of the Court Special Edition (ไอคอน คิง ออฟ เดอะ คอร์ท สเปเชียล เอดิชั่น) ผ่านพ้นมาจนถึงปีนี้ ในระหว่างที่การแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ ‘BetCity Royal Championships Queen & King of the Court Rotterdam 2023’ (เบทซิตี รอยัล แชมเปี้ยนชิพส์ ควีน แอนด์ คิง ออฟ เดอะ คอร์ท รอตเตอร์ดัม 2023) กำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด ระหว่างวันที่ 5-10 กันยายนนี้ Maurice Lacroix ก็ได้แนะนำเรือนเวลารุ่นพิเศษลำดับที่ 2 ที่จัดสร้างมาเป็นพิเศษเพื่อการแข่งขันนี้ นั่นคือ Aikon #tide KOTC Special Edition (ไอคอน #ไทด์ เคโอทีซี สเปเชี่ยล เอดิชั่น)
ในปีนี้ Maurice Lacroix มอบความพิเศษด้วยการปรับเปลี่ยนจาก Aikon Quartz Chronograph (ไอคอน ควอตซ์ โครโนกราฟ) มาเป็น Aikon #tide สำหรับเป็นพื้นฐานในการดีไซน์ เช่นเดียวกับ Aikon #tide Mahindra (ไอคอน ไทด์ มหินทรา) ที่เป็นเรือนเวลารุ่นพิเศษสำหรับทีมแข่งรถยนต์ไฟฟ้า ‘Formula E’ (ฟอร์มูลา อี) สัญชาติอินเดีย ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี นั่นจึงเท่ากับว่านาฬิการุ่นพิเศษของ Maurice Lacroix อันเกี่ยวข้องกับการเป็นพาร์ทเนอร์ทางด้านกีฬา ได้ถูกแทนที่ด้วย Aikon #tide ทั้งหมดแล้วในปีนี้
Aikon #tide KOTC เผยโฉมมาในแนวรักษ์โลก กับตัวเรือนขนาด 40.0 มิลลิเมตร หนา 11.0 มิลลิเมตร ในสีดำผิวด้านทั้งหมด กับการกันน้ำที่ระดับ 100 เมตร ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการผลิตขึ้นจากเศษขวดพลาสติกที่ลอยเป็นขยะในทะเล นำไปผ่านกระบวนการ ‘Upcycle’ (อัพไซเคิล) โดย ‘#tide’ องค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลขยะพลาสติกจากทะเล นำมาผ่านกระบวนการสังเคราะห์หลอมรวมเข้ากับไฟเบอร์กลาสด้วยเทคนิคเฉพาะ ทำให้ได้เม็ดพลาสติกชนิดพิเศษที่มีคุณภาพเหนือกว่าพลาสติกทั่วไป โดยมีความแข็งเป็น 2 เท่า ของพลาสติกมาตรฐาน และมีความทนทานมากกว่าถึง 5 เท่า โดยตัวเรือน 1 ชิ้น จะต้องใช้จำนวนขวดพลาสติก 17 ใบ ในการผลิต อีกทั้งในกระบวนการผลิตยังลดปริมาณการปล่อย ‘Carbon Footprint’ (คาร์บอน ฟุตพรินต์) หรือปริมาณรวมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ลงจนน้อยกว่าการผลิตพลาสติกแบบ PET (เพท) อีกด้วย
หน้าปัดโดดเด่นด้วยคู่สีดำ-เหลืองทอง อันเป็นคู่สีเดียวกับที่ปรากฏอยู่บนโลโก้ ‘KOTC’ โดยจัดสีดำเป็นสีพื้นหลัก ตกแต่งด้วยลวดลายมงกุฎ สัญลักษณ์ของ ‘KOTC’ ในรูปแบบโลโก้มาเนียกระจายทั่วพื้นหน้าปัด ขณะที่ขอบหน้าปัดล้อมด้วยวงแหวนสีเหลืองทอง ติดตั้งสเกลเวลาสีดำ พร้อมด้วยหลักชั่วโมงที่เป็นดีไซน์ของ Aikon #tide สีเหลืองทอง ส่วนเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีทำเป็นสีดำ เพื่อให้ตัดกับเข็มวินาทีสีเหลืองทอง โดยไม่ลืมที่จะฉาบสารเรืองแสง ‘Super-LumiNova®’ (ซูเปอร์ลูมิโนวา) สีขาวทั้งบนเข็มและหลักชั่วโมง เพื่อการดูเวลาที่แจ่มชัดในทุกสภาวะแสง แสดงเวลาแบบ 3 เข็ม พร้อมกับการแสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างกรอบเหลืองทองที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ในรูปแบบตัวเลขอารบิกสีขาวบนจานดิสก์สีดำ เพื่อคุมโทนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ควบคุมการทำงานด้วยเครื่องสวิสควอตซ์ เพื่อการบอกเวลาอย่างเที่ยงตรงในระดับสูงสุด
เรือนเวลารุ่นพิเศษที่รังสรรค์เพื่อคนที่รักกีฬาวอลเลย์บอลชายหาดรุ่นนี้ ประกอบเข้ากันอย่างลงตัวกับสายยางสีดำ ตกแต่งด้วยหมุดโลโก้ ‘m’’ สีเหลืองทองบริเวณต้นสาย พร้อมตัวล็อกสายแบบหัวเข็มขัดที่ผลิตขึ้นจากวัสดุอัพไซเคิลแบบเดียวกับตัวเรือน และมอบความสะดวกในการถอดสลับเปลี่ยนสายด้วยระบบ ’Easy Strap Exchange’ (อีซี แสตร็ป เอ็กซ์เชนจ์) ผลิตในแบบ ‘Special Edition’ ที่ไม่ได้มีการจำกัดจำนวน และตั้งราคาให้เป็นเจ้าของกันที่ 750 ฟรังก์สวิส หรือราวๆ 3 หมื่นบาท