by: ‘Mr.Big’
เมื่อฤดูร้อนอันเต็มไปด้วยแสงแดดและสีสันย่างกรายเข้าสู่ภูมิภาคยุโรป Blancpain (บลองแปง) จึงขอต้อนรับด้วยนำคอลเลกชั่นสำหรับสุภาพสตรีอย่าง Ladybird (เลดีเบิร์ด) ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 67 ปี มาแต่งแต้มสีสันสดใสผสมผสานเข้ากับเอกลักษณ์ความหรูหราอย่างลงตัว กับเวอร์ชั่นใหม่ของ Ladybird Colors (เลดีเบิร์ด คัลเลอร์ส) คอลเลกชั่นสุดหรูที่มาพร้อมกับเสน่ห์ของสีสันพาสเทล เพื่อให้ร้อนนี้เป็นฤดูที่เฉิดฉายสำหรับสุภาพสตรีผู้มีระดับ
Ladybird Colors เวอร์ชั่นปี 2013 นี้ยังคงนำเสนอในขนาดตัวเรือนเดียวกับรุ่นก่อนๆ นั่นคือ 34.9 มิลลิเมตร กับความหนาที่ 9.2 และ 10.43 มิลลิเมตร สำหรับรุ่นที่ติดตั้งโมดูล ‘Moon-phases’ (มูนเฟส) หรือข้างขึ้น-ข้างแรม ซึ่งถือเป็นขนาดที่กำลังพอเหมาะสำหรับข้อมือสุภาพสตรี เช่นเดียวกับวัสดุที่จัดมาให้ใน 2 ทางเลือก ได้แก่ทองขาว 18K หรือทองชาด 18K โดยบนขอบตัวเรือน รวมไปถึงขาสายและบนยอดเม็ดมะยม ถูกประดับด้วยเพชรน้ำงามจำนวนรวมถึง 59 เม็ด น้ำหนักรวมกว่า 2.0 กะรัต ไว้อย่างพิถีพิถันและไร้สัมผัสสะดุด ผนึกหน้าปัดและฝาหลังด้วยคริสตัลแซพไฟร์ที่เคลือบด้วยสารกันการสะท้อนทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมการกันน้ำที่ระดับ 30 เมตร
หน้าปัดของ Ladybird Colors รังสรรค์ขึ้นจากเปลือกหอยมุกสีธรรมชาติ ตกแต่งด้วยตัวเลขบอกเวลาซึ่งปรับเปลี่ยนจากเดิมที่ใช้ตัวเลขอารบิก มาเป็นตัวเลขโรมันขนาดใหญ่แทน ซึ่งในส่วนนี้ก็ได้นำสีสันสไตล์พาสเทลมาเติมแต่งให้เลือกกันมากถึง 5 เฉดสี ได้แก่สีฟ้า สีน้ำเงิน สีเขียว สีม่วง และสีคราม เพื่อให้ได้สไตล์ที่แตกต่างกันตามต้องการ ทั้งยังเสริมความหรูหราด้วยการประดับเพชรตามแนว ‘Chapter Ring’ (แชปเตอร์ ริง) ซึ่งวางซ้อนกับ ‘Chapter Ring’ ของวงหน้าปัดย่อยบริเวณตำแหน่ง 6 นาฬิกา โดยเป็นการฝังเพชรแบบไล่ระดับ อันเป็นเทคนิคที่แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านๆ มา ในส่วนฟังก์ชันการทำงานในเวอร์ชั่นนี้สามารถเลือกได้ทั้งรุ่นแสดงเวลาแบบ 2 ครึ่ง และแบบที่เพิ่มเติมด้วยการแสดงข้างขึ้น-ข้างแรมด้วยดิสก์พระจันทร์ ผ่านช่องหน้าต่างครึ่งวงกลมที่เจาะอยู่ในหน้าปัดย่อยสำหรับการแสดงวินาที สำหรับเข็มและแถบเส้นขอบ ‘Chapter Ring’ เป็นการรังสรรค์ขึ้นด้วยวัสดุชนิดเดียวกับตัวเรือน เพื่อคุมโทนสีสันความหรูไปในทิศทางเดียวกัน
การทำงานของ Ladybird Colors รุ่นที่ไม่มีฟังก์ชัน ‘Moon-phases’ ใช้กลไก ‘In-house’ (อินเฮาส์) ออโตเมติก Cal.1163 ที่พัฒนาขึ้นมาจาก Cal.1150 โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 26.2 มิลลิเมตร หนา 3.25 มิลลิเมตร กับจำนวนชิ้นส่วน 195 ชิ้น และทับทิม 30 เม็ด ในขณะที่รุ่น ‘Moon-phases’ โดยพื้นฐานเป็นการใช้คาลิเบรอชุดเดียวกัน แค่นำโมดูล ‘Moon-phases’ มาติดตั้งเพิ่มเท่านั้น หมายเลขคาลิเบรอของรุ่นนี้จึงเป็น Cal.1163L หรือแค่เพิ่มตัวอักษร ‘L’ เข้ามา และเมื่อมีการติดตั้งโมดูลเพิ่ม จึงทำให้เส้นผ่าศูนย์กลางของเครื่องชุดนี้ขยับขึ้นไปที่ 34.9 มิลลิเมตร กับความหนา 4.58 มิลลิเมตร และจำนวนชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 243 ชิ้น โดยยังใช้ทับทิมกันสึก 30 เม็ด เช่นเดิม กลไกทั้ง 2 ชุด มีความถี่การทำงานที่เท่ากันคือ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง รวมถึงประสิทธิภาพในการสำรองพลังงานที่มากถึง 100 ชั่วโมง จากการขึ้นลานด้วยโรเตอร์ทอง 22K แบบฉลุโปร่งในเส้นสายที่พลิ้วไหว
เพื่อให้สะท้อนประกายของสีสันได้อย่างเต็มที่ Ladybird Colors จึงประกอบเข้ากับสายหนังจระเข้ที่ย้อมเป็นสีโทนเดียวกับตัวเลขบนหน้าปัด พร้อมทั้งเคลือบผิวให้มีความมันเงา และติดตั้งตัวล็อกสายวัสดุเดียวกันกับตัวเรือน ตั้งราคารุ่น 2 เข็มครึ่ง ที่ 1,051,000 บาท ส่วนรุ่น ‘Moon-phases’ ขยับราคาขึ้นมาอีกนิดที่ 1,121,000 บาท