GP HOME HEADER
GP HOME HEADER
Home Articles ORIENT M-FORCE IN A BOLD NEW LOOK - เจเนอเรชั่นใหม่ของเรือนสปอร์ต

ORIENT M-FORCE IN A BOLD NEW LOOK – เจเนอเรชั่นใหม่ของเรือนสปอร์ต

by: ‘TomyTom’

 

ตระกูลนาฬิการะดับเรือธงของคอลเลกชั่น Sports (สปอร์ตส) จาก Orient (โอเรียนท์) ที่ใช้ชื่อว่า M-Force (เอ็มฟอร์ซ) นั้นสิ้นสุดช่วงอายุของรุ่นเจเนอเรชั่นที่ 2 ไปตั้งแต่ปี 2015 แล้ว ทำให้แฟนๆ ของแบรนด์มีคำถามอยู่ในใจว่าเมื่อไรจะมีทายาทใหม่ออกมาให้ชื่นชมเสียที ในที่สุดเมื่อเดือนกันยายน 2020 ที่ผ่านมา Orient ก็ปล่อยเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ M-Force ออกมา ซึ่งคราวนี้ได้อัพเกรดประสิทธิภาพ คุณสมบัติ ตลอดจนดีไซน์ให้มีความแข็งแกร่งและเข้มแข็งบึกบึนมากยิ่งขึ้น เบิกฤกษ์ด้วย 4 เอดิชั่นมาตรฐาน บวกกับอีก 1 รุ่น ‘Limited Edition’ (ลิมิเต็ด เอดิชัน) ผลิตจำนวนจำกัด 1,600 เรือน เพื่อร่วมฉลองวาระอายุ 70 ปี ของ Orient ในปี 2020 นี้

 

Orient Sports M-Force เจเนอเรชั่นที่ 3 มาในสถานะนาฬิกาดำน้ำชนิด ‘Air-divers’ 200-m’ (แอร์ไดเวอร์ส 200 เมตร) ตามมาตรฐาน ISO เพื่อมอบความมั่นใจในความทนทานต่อการใช้งานใต้น้ำถึงระดับความลึก 200 เมตร และยังคงถึงพร้อมด้วยคุณลักษณะอันยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งาน และความทนทานเฉกเช่นเดียวกับ M-Force เจเนอเรชั่นที่ 1 (1997-2002) และเจเนอเรชั่นที่ 2 (2011-2015) อันได้แก่คุณสมบัติ 3-M อันเป็นที่มาของชื่อรุ่นว่า M-Force ได้แก่ ‘Mechanical’ (เมคานิคอล) ซึ่งหมายถึงกลไกชนิดจักรกล ‘Massive’ (แมสสีฟ) หมายถึงความทนทานจากประสิทธิภาพในการต้านทานแรงกระแทกของโครงสร้างตัวเรือนทั้งภายนอกและภายใน และ ‘Maverick’ (มาเวอริค) คือดีไซน์อันโดดเด่นในรูปแบบเฉพาะตัว คุณสมบัติทั้งหมดนี้ผสานรวมอยู่ในตัวเรือนขนาดใหญ่ถึง 47.3 มิลลิเมตร หนา 13.2 มิลลิเมตร ดีไซน์สุดบึกบึนที่ออกแบบใหม่ให้เต็มไปด้วยความโดดเด่นสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของเม็ดมะยมชนิดขันเกลียวขนาดใหญ่ เซาะแนวร่องลงสีแดง ดีไซน์สุดเข้มแข็งของขอบตัวเรือนเคลือบดำชนิดหมุนได้ทิศทางเดียว สลักสเกลนาทีด้วยขนาดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และใช้ฟอนต์ที่เน้นความเหลี่ยมเพื่อบ่งบอกถึงความแข็งแรง รวมถึงเกราะป้องกันตัวเรือนเคลือบดำทรงโค้งดีไซน์แกร่งพาดยาวจากตำแหน่งราว 1.30-4.30 นาฬิกา ทำหน้าที่ปกป้องเม็ดมะยมและขอบตัวเรือนจากการกระแทกได้เป็นอย่างดี ร่วมด้วยกระจกหน้าปัดแซพไฟร์คริสตัลเคลือบสารกันแสงสะท้อน ส่วนสายสเตนเลสสตีลดีไซน์สปอร์ตแบบข้อสายรูปอักษร ‘H’ ที่ติดตั้งมากับบางเวอร์ชั่นก็ออกแบบใหม่ด้วยเช่นกัน โดยเน้นให้ชิ้นที่ยึดกับตัวเรือนแนบชิดกับตัวเรือนและมีดีไซน์ที่สอดคล้องกับขาตัวเรือนเป็นที่สุด เพื่อให้ดูกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน อีกทั้งแต่ละข้อสายยังออกแบบให้มีขนาดที่สั้นลงกว่าเจเนอเรชั่นก่อนเพื่อให้สวมใส่ได้กระชับสบายข้อมือยิ่งขึ้น

 

สำหรับรายละเอียดบนหน้าปัดนั้น ออกแบบโดยเน้นให้มีมิติที่สวยงาม และชัดเจนในการอ่านค่า เห็นได้จากหลักชั่วโมงโลหะขนาดใหญ่รูปทรงเรขาคณิต 4 แบบที่เคลือบสารเรืองแสงไว้อย่างเต็มที่ การปัดลายรัศมีบนพื้นหน้าปัด และสัญลักษณ์ ‘M-Force’ ที่ออกแบบขึ้นใหม่ให้ดูเข้มแข็งยิ่งขึ้น ตลอดจนเข็มชั่วโมงและนาทีขนาดใหญ่ที่ฉลุโปร่งบริเวณส่วนกลาง และเคลือบส่วนปลายด้วยสารเรืองแสง ปิดท้ายด้วยเข็มวินาทีทรงเพรียวที่เคลือบสารเรืองแสงไว้ด้วยเช่นกัน เจาะช่องหน้าต่างบอกวันที่ทรงเหลี่ยมไว้ที่ 3 นาฬิกา การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของกลไก ‘In-house’ (อินเฮาส์) อัตโนมัติ Cal.F6727 จำนวนทับทิม 22 ชิ้น ที่สำรองพลังงานได้ 40 ชั่วโมง สามารถช่วยขึ้นลานด้วยมือได้ และมีระบบหยุดเข็มวินาทีขณะตั้งเวลาซึ่งเป็นคาลิเบรอที่ผลิตขึ้นในประเทศญี่ปุ่น

MITSUBISHI

 

แบบมาตรฐาน 4 เวอร์ชันแรกของ M-Force เจเนอเรชั่นที่ 3 ประกอบด้วย เวอร์ชั่นตัวเรือนพร้อมสายสเตนเลสสตีล สเกลนาทีบนวงขอบตัวเรือนสีขาว หลักชั่วโมงกับเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีสีเงิน ร่วมด้วยเข็มวินาทีสีเหลือง 2 เวอร์ชั่น ต่างกันที่สีหน้าปัด คือ Ref.RA-AC0L01B ใช้หน้าปัดสีดำ และ Ref.RA-AC0L02R ที่ใช้หน้าปัดสีแดง ต่อด้วยเวอร์ชั่นตัวเรือนสเตนเลสสตีลที่จับคู่กับสายซิลิโคนสีดำอีก 2 เวอร์ชั่นโดย Ref.RA-AC0L04L ใช้หน้าปัดสีเขียวแบบไล่เฉดสว่างกลางขอบคล้ำ ร่วมกับเข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีและหลักชั่วโมงสีเงิน ใช้เข็มวินาทีและข้อความบอกระดับการกันน้ำสีเหลือง และใช้สเกลนาทีสีขาวบนขอบตัวเรือน ส่วน Ref.RA-AC0L03B จะเน้นความทะมึนด้วยการเคลือบตัวเรือนและเม็ดมะยมเป็นสีดำด้าน คู่กับหน้าปัดสีดำ และยังใช้เข็มชั่วโมง เข็มนาที หลักชั่วโมง โลโก้ และสเกลนาทีบนขอบตัวเรือนเป็นสีเทา ร่วมด้วยเข็มวินาทีสีดำ และแต้มสีแดงเพียงเล็กน้อยบนส่วนปลายของเข็มนาทีและเข็มวินาที รวมถึงข้อความบอกระดับการกันน้ำกับรายละเอียดอื่นๆ บนหน้าปัด

Ref.RA-AC0L01B และ Ref.RA-AC0L02R

Ref.RA-AC0L04L และ Ref.RA-AC0L03B

 

ส่วนเวอร์ชันพิเศษ Ref.RA-AC0L05G ‘Limited-Edition’ ผลิตจำนวนจำกัดฉลอง 70 ปี Orient นั้น นอกจากจะมากับพื้นหน้าปัดสีทองแบบไล่เฉดแนวดิ่ง จากสีอ่อนส่วนกลางไปสู่โทนดำบริเวณส่วนริมทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่น Jaguar Focus (แจกวาร์ โฟกัส) ที่ Orient เคยสร้างขึ้นในยุค 1970s อันเป็นรุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Orient เป็นอย่างมากแล้ว ยังอุดมไปด้วยโทนสีทองอันอบอุ่นทรงคุณค่า ตั้งแต่สีทองของหลักชั่วโมง สีทองบนเข็ม และบนสเกลนาทีของขอบตัวเรือน ตลอดจนเม็ดมะยม ไปจนถึงสีบรอนซ์ที่เคลือบอยู่บนตัวเรือนสเตนเลสสตีลและเกราะปกป้องตัวเรือน มีเพียงฝาหลังเท่านั้นที่ยังคงเป็นแผ่นสเตนเลสสตีลสีเงิน ซึ่งมีการสลักสถานะการเป็นรุ่นผลิตจำนวนจำกัดฉลอง 70 ปี ‘Orient 70th Anniversary Limited Edition’ ให้เห็นกันชัดๆ พร้อมหมายเลขประจำเรือน ‘xxxx/1600’ กำกับไว้ว่าเป็นเรือนลำดับที่เท่าใดจากจำนวน 1,600 เรือน ส่วนกล่องบรรจุนั้น ทุกเวอร์ชั่นจะได้เป็นกล่องสีดำล้วนประทับตรา Orient M-Force เช่นเดียวกัน

Ref.RA-AC0L05G ‘Orient 70th Anniversary Limited Edition’

 

ผู้แทนจำหน่ายนาฬิกา Orient ในประเทศไทยตั้งราคาสำหรับ Sports Collection M-Force เจเนอเรชั่นใหม่ไว้ที่ 19,500 บาท สำหรับเวอร์ชั่นตัวเรือนสเตนเลสสตีลหน้าปัดสีเขียวสายซิลิโคน และ 21,000 บาท เท่ากันหมดสำหรับเวอร์ชั่นตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล หน้าปัดสีดำหรือแดง เวอร์ชั่นตัวเรือนเคลือบดำหน้าปัดสีดำพร้อมสายซิลิโคน และเวอร์ชั่น ‘Limited Edition’ ตัวเรือนเคลือบสีบรอนซ์หน้าปัดสีทองพร้อมสายซิลิโคน

SEIKO JAN 23 CONTENT RGT