by: ‘Mr.Big’
จากผลงานคอลเลกชั่นที่ผ่านๆ มา เป็นสิ่งที่ยืนยันประจักษ์ชัดแล้วว่า Citizen (ซิติเซน) เป็นผู้นำด้านการเทคโนโลยีการบอกเวลา โดยเฉพาะการปรับค่าเวลาด้วยการรับสัญญาณผ่านดาวเทียมในระบบ GPS ที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานได้จริงทั่วโลก และถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดังกล่าว แต่ Citizen ก็ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาผลงานของตัวเองให้โดดเด่นยิ่งๆ ขึ้นไป ล่าสุดได้เผยโฉมคอลเลกชั่นใหม่ที่ยังคงมาพร้อมกับระบบการตั้งค่าเวลาแบบ GPS ควบคู่ไปกับการใช้พลังงานจากแสง มาสร้างพลังงานขับเคลื่อนในรูปแบบ ‘Eco-Drive’ (อีโคไดรฟ์) นั่นก็คือ Promaster Eco-Drive Satellite Wave GPS Divers (โปรมาสเตอร์ อีโคไดรฟ์ แซเทิลไลต์ เวฟ จีพีเอส ไดเวอร์ส)
ถือเป็นครั้งแรกที่ Citizen นำระบบตั้งเวลาด้วยคลื่น GPS ผ่านดาวเทียม มาใช้กับคอลเลกชั่นนาฬิกาดำน้ำ โดยสามารถกันน้ำได้ถึงระดับ 200 เมตร ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน ISO 6425 ซึ่งเป็นการทดสอบระดับการกันน้ำที่เข้มงวดมาก เป็นการการันตีว่าเหมาะสำหรับการใช้งานใต้น้ำจริงๆ โดยเผยโฉมออกมาพร้อมกัน 2 รูปแบบ ได้แก่รุ่นตัวเรือน ‘Super Titanium’ (ซูเปอร์ ไทเทเนียม) เคลือบเป็นสีดำเข้มด้วยเทคนิค ‘Duratect DLC’ (ดูราเทคต์ ดีแอลซี) จับคู่กับพื้นหน้าปัดสีน้ำเงิน และรุ่นตัวเรือน ‘Super Titanium’ ที่เคลือบความคงทนด้วยเทคโนโลยี ‘Duratect Titanium Carbide’ (ดูราเทคต์ ไทเทเนียม คาร์ไบด์) อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งจากผลของเทคโนโลยี ‘Duratect’ ทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีมาตรฐานความแข็งถึง 1,000 Hv (Vickers – วิกเกอร์ส) ในขณะที่สเตนเลสสตีลทั่วไปมีค่าความแข็งเพียง 200 Hv นั่นหมายถึงว่านาฬิกาเรือนนี้จะปรากฏรอยขีดข่วนได้ยากมากๆ โดยจับคู่มาพร้อมกับหน้าปัดสีเขียว ในขนาดตัวเรือนที่เท่ากันคือ 47.0 มิลลิเมตร หนา 15.6 มิลลิเมตร พร้อมขอบตัวเรือนที่สลักสเกล 60 นาที และแถบสีที่แสดงช่วงเวลาดำน้ำที่ปลอดภัย ปกป้องพื้นหน้าปัดด้วยกระจกคริสตัลแซพไฟร์เคลือบสารกันการสะท้อน
แสดงเวลาปกติแบบ 3 เข็ม โดยออกแบบให้เข็มชี้และมาร์คเกอร์มีขนาดใหญ่ เคลือบสารเรืองแสง เพื่อความสามารถในการอ่านค่าที่ชัดเจน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของนาฬิกาดำน้ำ โดยไม่จำเป็นต้องปรับตั้งเวลาแต่อย่างใด เพราะนาฬิกาเรือนนี้สามารถตั้งเวลาที่ถูกต้องได้โดยอัตโนมัติในทุกที่ทั่วโลกด้วยการรับสัญญาณ GPS ผ่านระบบดาวเทียม ซึ่งใช้เวลาประมวลผลที่สั้นที่สุดเพียง 3 วินาที ภายใต้ความแม่นยำในระดับสูงสุดโดยมีอัตราคลาดเคลื่อนของเวลาเพียง ± 5 วินาที/เดือน แม้ในขณะที่ไม่ได้รับคลื่นสัญญาณ GPS เสริมด้วยช่องหน้าต่างแสดงวันที่ที่ 3 นาฬิกา สามารถเปิดโหมดการทำงานดำน้ำด้วยการกดปุ่มที่ตำแหน่ง 2 และ 4 นาฬิกา พร้อมๆ กัน ซึ่งเมื่อนาฬิกาอยู่ในโหมดนี้จะเป็นการปิดฟังก์ชันรับสัญญาณปรับตั้งเวลา GPS และระบบชาร์จพลังงานแสงชั่วคราว เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดจากการรับสัญญาณต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ในระหว่างดำน้ำ
นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลเวลา ‘World Time’ (เวิลด์ ไทม์) ได้ถึง 38 โซนเวลา โดยติดตั้งชื่อย่อของเมืองสำคัญในแต่ละโซนเวลาเอาไว้บนขอบหน้าปัด พร้อมด้วยชื่อของสถานที่ที่เป็นจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงของโลกในแต่ละโซนเวลาจำนวน 8 แห่ง ซึ่งถูกคัดเลือกโดย ‘Tripadviser’ (ทริปแอดไวเซอร์) แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ ภูเก็ต มัลดีฟ ฟิจิ ฮาวาย เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ เฟร์นันดู จี นอโรนยา กัลลาปากอส และชาร์ม เอ็ล ชีค
ควบคุมการทำงานด้วยระบบ ‘Eco-Drive’ ด้วย Cal.F158 ซึ่งสามารถแปรแสงสว่างทั่วไปมาเป็นพลังงานขับเคลื่อนการทำงาน โดยสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 7 ปี เมื่ออยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน พร้อมฟังก์ชันแสดงระดับประจุไฟและแสดงระดับการชาร์จ ประกอบกับสายยางยูรีเทนลายคลื่นสีน้ำเงินหรือสีดำ พร้อมสายรัดเสริมสำหรับสวมใส่ร่วมกับชุดประดาน้ำ จัดจำหน่ายในรูปแบบ ‘Japan Edition’ หรือเฉพาะตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น โดยตั้งราคาไว้ที่ 150,000 เยน หรือประมาณ 43,500 บาท สำหรับรุ่นหน้าปัดสีน้ำเงิน และ 140,000 เยน หรือราวๆ 40,600 บาท สำหรับรุ่นหน้าปัดสีเขียว