UN HEADER 23
UN HEADER 23
Home Articles RETURN OF THE KING SEIKO KSK - ราชาคืนบัลลังก์

RETURN OF THE KING SEIKO KSK – ราชาคืนบัลลังก์

by: ‘TomyTom’

 

แม้ Seiko (ไซโก) จะจัดให้ Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) อยู่ในจุดสูงสุดของบรรดา Seiko ทั้งมวล แต่ในช่วงทศวรรษ 1960s นั้นนอกจากจะให้กำเนิดตระกูล Grand Seiko ในปี 1960 แล้ว ในปี 1961 ก็ยังเปิดตัว King Seiko (คิง ไซโก) สู่ตลาดนาฬิการะดับสูงอีกตระกูลหนึ่งด้วย และในเมื่อปี 2021 ที่ใกล้จะมาถึงนี้จะครบขวบปี 140 ที่ก่อร่างสร้างองค์กร Seiko ขึ้นมา Seiko จึงมอบเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนๆ ด้วยการนำ King Seiko KSK สมัยปี 1965 มาสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งในฐานะ ‘Limited Edition’ (ลิมิเต็ด เอดิชั่น) ผลิตจำนวนจำกัด 3,000 เรือน เพื่อฉลองวาระ 140 ปี และให้ชื่อว่า Seiko 140th Anniversary Limited Edition Re-creation of King Seiko KSK (ไซโก เดอะ วันฮันเดรดแอนด์ฟอร์ตีธ์ แอนนิเวอร์ซารี ลิมิเต็ด เอดิชัน รีครีเอชั่น ออฟ คิง ไซโก เคเอสเค) โดยมอบรหัสรุ่นเป็น SJE083J ซึ่งยังคงฐานะการเป็นแบรนด์ย่อยของ Seiko อยู่เช่นเดิม มิได้แยกออกมาเป็นแบรนด์ต่างหากอย่างที่สถาปนา Grand Seiko ณ ปัจจุบัน

 

ในยุคแรกกำเนิดนั้น ทั้ง 2 แบรนด์ย่อย อันได้แก่ Grand Seiko และ King Seiko ถูกสร้างขึ้นจากคนละแหล่งผลิต โดย Grand Seiko ถูกสร้างขึ้นที่ ‘Suwa Seikosha’ (สุวะ ไซโกฉะ) ส่วน King Seiko เป็นผลผลิตของ ‘Daini Seikosha’ (ไดนิ ไซโกฉะ) ซึ่งดูเหมือนเป็นการแข่งขันกันสร้างนาฬิกาชั้นยอดระหว่าง 2 แหล่งผลิต โดยความมุ่งมั่นหลักคือการสร้างนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงสูงสุด เพื่อแย่งตำแหน่งการเป็นแบรนด์ย่อยระดับเรือธงของ Seiko แม้ต่อมาจะเห็นกันแล้วว่าแบรนด์ใดเป็นผู้กำชัย แต่ประวัติศาสตร์อันน่าจดจำก็ทำให้ King Seiko ยังคงมีมนต์ขลังไม่เสื่อมคลายในหมู่ผู้นิยมนาฬิกาวินเทจ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เหมาะควรแก่การนำประวัติศาสตร์หน้านี้กลับมาสู่ปัจจุบันสมัยอีกครั้ง โดย Seiko เลือกนาฬิกา King Seiko ซีรีย์ที่ 2 ที่เรียกขานว่า King Seiko KSK ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1965 มาเป็นต้นแบบในการสร้างขึ้นใหม่ โดยชื่อ KSK ของรุ่นดั้งเดิมนั้นย่อมาจาก ‘KS’ หรือ King Seiko บวกกับ ‘K’ ที่ย่อมาจาก ‘Kisei-Tsuki’ (คิเซสึกิ) ในภาษาญี่ปุ่น หมายถึงการหยุดเข็มวินาที ซึ่งมาจากคุณสมบัติการหยุดเข็มวินาทีขณะตั้งเวลาของกลไกไขลาน ‘In-house’ (อินเฮาส์) จำนวนทับทิม 25 ชิ้น ความถี่การทำงาน 18,000 ครั้ง/ชั่วโมง Cal.44A ที่ใช้กับ KSK รุ่นดั้งเดิมนั่นเอง

King Seiko KSK รุ่นต้นฉบับเมื่อปี 1965

Seiko 140th Anniversary Limited Edition Re-creation of King Seiko KSK SJE083J ปี 2021

 

ดีไซน์นาฬิกาตัวเรือนทรงกลมแต่เน้นเหลี่ยมสันอันคมคายบริเวณสันขอบ ตลอดจนขาตัวเรือนทรงยาวและเม็ดมะยมสลักนูนเป็นชื่อ ‘Seiko’ และอักษร ‘W’ ที่สื่อว่านาฬิกาสามารถกันน้ำได้ของ KSK รุ่นดั้งเดิมถูกถอดแบบมาแทบทุกรายละเอียด แถมยังเคลือบผิวเสริมความทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วนให้กับตัวเรือนด้วยเทคนิค ‘Super-hard coating’ (ซูเปอร์ฮาร์ด โคติง) และเพิ่มงานขัดผิวให้เงาดุจกระจกด้วยเทคนิค ‘Zaratsu’ (ซารัตสึ) อันเป็นเทคนิคการขัดเงารูปแบบเดียวกับ Grand Seiko อารมณ์ร่วมสมัยสไตล์วินเทจแบบรุ่นดั้งเดิมแต่ถึงพร้อมด้วยเทคนิคเสริมคุณสมบัติและคุณลักษณะของยุคปัจจุบัน จึงเป็นคุณลักษณะเด่นของ Re-creation of King Seiko KSK SJE083J รุ่นนี้ แม้ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 38.1 มิลลิเมตร จะมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นดั้งเดิมอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังมีขนาดค่อนข้างเล็กที่มอบอารมณ์วินเทจได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนกระจกหน้าปัดแม้จะเปลี่ยนมาเป็นแซพไฟร์คริสตัลพร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อนไว้ที่ผิวกระจกด้านในตามมาตรฐานนาฬิกาชั้นดีของ Seiko ยุคนี้แล้ว แต่ก็ยังสร้างเป็นรูปทรงกล่องคล้ายกับรุ่นดั้งเดิม ขณะที่ความหนาโดยรวมขยายเพิ่มจากรุ่นเดิมอีกเพียง 0.5 มิลลิเมตร เป็น 11.4 มิลลิเมตร เพราะทางแบรนด์ตัดสินใจเลือกนำกลไกอัตโนมัติ ‘In-house’ บอกเวลา 3 เข็ม พร้อมฟังก์ชันวันที่ ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงานได้ 45 ชั่วโมง จำนวนทับทิมรวม 26 ชิ้น Cal.6L35 ซึ่งเป็นคาลิเบรอที่มีขนาดไม่หนานักมาใช้กับรุ่นนี้ โดยไม่เปิดโอกาสให้มองเห็นกลไกเพราะต้องการใช้ฝาหลังล็อกเกลียว สตีลแผ่นทึบที่มีแผ่นเหรียญสีทองซึ่งสลักนูนเป็นสัญลักษณ์ตราโล่พร้อมชื่อ ‘King Seiko’ เช่นเดียวกับรุ่นดั้งเดิม แต่มีการประทับคุณลักษณะของนาฬิการุ่นปัจจุบันอยู่รายรอบด้วย เช่น รหัสคาลิเบรอ และระดับการกันน้ำที่ 5 บาร์ (เทียบเท่า 50 เมตร) และหมายเลขประจำเรือน ‘xxxx/3000’ กับข้อความ ‘Limited Edition’ เพื่อบอกสถานะความพิเศษ ปิดท้ายด้วยสายหนังจระเข้สีดำที่ไม่ปรากฏตะเข็บด้ายให้เห็นเพื่อเติมเต็มอารมณ์วินเทจ พร้อมตัวล็อกสตีลแบบหัวเข็มขัดที่สร้างพิเศษ มีการสลักนูนเป็นตรา ‘Seiko’ ในฟอนต์เดียวกับที่ใช้ใน KSK รุ่นดั้งเดิม เพื่อเสริมความสมบูรณ์แบบให้กับการย้อนอดีตครั้งนี้

MITSUBISHI

 

รายละเอียดดีไซน์บนหน้าปัดและเข็มของรุ่นดั้งเดิมถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ ได้แก่ หน้าปัดพื้นเรียบสีเงินปัดลาย ‘Sunray’ (ซันเรย์) ติดตั้งด้วยแท่งหลักชั่วโมงแบบปาดเหลี่ยมสีเงิน แท่งหลัก 12 นาฬิกาสีเงินรูปแบบลอนเหลี่ยมคู่สกัดลายก่อเกิดประกายสะท้อนยามต้องแสง ชิ้นอักษรชื่อแบรนด์ Seiko สีเงิน เข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีสีเงินทรงเหลี่ยมแหลมเจียรขอบ เข็มวินาทีทรงเรียวบาง สเกลนาทีพิมพ์สีดำเป็นขีดสั้นและบางที่ล้อมอยู่รายรอบหลักชั่วโมง และข้อความ ‘King Seiko’ กับ ‘Diashock 26 Jewels’ (ไดอะช็อก 26 จีเวลส์) ที่พิมพ์ด้วยสีดำอยู่เหนือตำแหน่ง 6 นาฬิกา ในฟอนต์เดียวกับรุ่นดั้งเดิม แต่ตัวเลขจำนวนทับทิมต้องเปลี่ยนจาก 25 ของรุ่นดั้งเดิมมาเป็น 26 เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนทับทิมของคาลิเบรอที่ประจำการอยู่ในรุ่นใหม่นี้ ส่วนประการที่ต่างจากรุ่นดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัดก็คือกรอบหน้าต่างสีเงินทรงสี่เหลี่ยมขอบ 3 มิติขนาดใหญ่พอตัว ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา เพื่อให้มองเห็นตัวเลขวันที่สีดำบนจานดิสก์สีขาวอันเป็นฟังก์ชันที่ไม่มีในรุ่นดั้งเดิม

 

Seiko 140th Anniversary Limited Edition Re-creation of King Seiko KSK SJE083J ผลิตจำนวนจำกัด 3,000 เรือน จะเริ่มจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกในเดือนมกราคม 2021 ด้วยสนนราคาเพียง 118,500 บาท ซึ่งก็ต้องบอกว่าหากอยากได้ไว้ในครอบครองก็ต้องรีบไปลงชื่อจองกันไว้โดยด่วน เพราะโควต้าที่ทาง Seiko จัดสรรให้แต่ละประเทศนั้นมีไม่มากเรือนนัก

SEIKO JUNE 23 CONTENT RGT
Luxe Time Pop Up