by: ‘Mr.Big’
หากพูดถึงดีไซน์นาฬิกาของ Rolex (โรเล็กซ์) หลายคนคงนึกถึงภาพนาฬิกาแนวอนุรักษ์นิยมที่ยึดมั่นในสไตล์ไว้อย่างมีเอกลักษณ์ หากแต่ในปี 2023 นี้กลับแนะนำคอลเลกชั่นใหม่ในแบบที่เรียกได้ว่าแหวกม่านขนบต่างๆ ที่เคยมีมา ด้วยการจับลวดลายและสีสันสนุกสนานใหม่ๆ มาใส่ไว้บนหน้าปัดได้อย่างน่ารักอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และในกลายเป็นที่ปรารถนาของคนรักนาฬิกาทั่วโลก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มองว่า Rolex เป็นนาฬิกาสำหรับผู้ใหญ่อีกต่อไป และนี่คือ Oyster Perpetual ‘Celebration Dial’ (ออยสเตอร์ เพอร์เพทชวล ‘เซเลเบรชั่น ไดอัล’) และ Oyster Perpetual Day-Date 36 ‘Emoji Puzzle’ (ออยสเตอร์ เพอร์เพทชวล เดย์เดท เธอร์ตีซิกซ์ ‘อีโมจิ พัซเซิล’)
เริ่มกันที่ Oyster Perpetual ‘Celebration Dial’ ที่มีไฮไลท์อยู่ที่ลวดลายบนหน้าปัดซึ่ง Rolex สร้างสรรค์ออกมาเป็นลวดลายวงกลมหลากขนาดถึง 51 ลูก ใน 5 เฉดสีที่แตกต่างกัน ได้แก่สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีชมพู และสีฟ้า วางกองอยู่บนพื้นหน้าปัดสีฟ้าพาสเทล และเคลือบชั้นผิวด้วยเทคนิคลงแลคเกอร์เพิ่มความสด ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในบ่อลูกบอลตามสวนสนุก หรือในปาร์ตี้โฟม โดยที่มาของสีสันต่างๆ เหล่านี้ นำมาจากสีของหน้าปัดที่ Rolex เคยเปิดตัวมาแล้วในปี 2020 และตั้งชื่อให้กับหน้าปัดดังกล่าวว่า ‘Celebration Dial’ เสมือนเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จของหน้าปัดสีพาสเทลนั่นเอง หน้าปัดดังกล่าว ถูกนำมาเติมแต่งรายละเอียดสเกลเวลา โลโก้ รวมถึงข้อความต่างๆ ด้วยสีขาว เพื่อให้ดูกลมกลืนและไม่ตัดกับสีหลักจนเกินไป จัดวางหลักชั่วโมงแบบแท่งและเข็มสีเงินเคลือบด้วยสารเรืองแสงในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ Oyster Perpetual โดยบอกเวลาแบบ 3 เข็ม ไร้วันที่
Oyster Perpetual ‘Celebration Dial’ เปิดตัวมาเพื่อทุกขนาดข้อมือ ทั้งหญิงและชาย ด้วย 3 ขนาดตัวเรือน ได้แก่ 41.0 มิลลิเมตร 36.0 มิลลิเมตร และ 31.0 มิลลิเมตร ทุกขนาดผลิตขึ้นจาก ‘Oystersteel’ (ออยสเตอร์สตีล) แบบบล็อกตัน พร้อมด้วยเม็ดมะยมขันเกลียวแบบ ‘Twinlock’ (ทวินล็อก) ที่ติดตั้งระบบกันน้ำ 2 ชั้น สามารถกันน้ำได้เทียบเท่าระดับความลึก 100 เมตร ฝาหลังเซาะร่องสำหรับขันปิดหรือเปิดด้วยเครื่องมือพิเศษที่เฉพาะช่างของนาฬิกา Rolex เท่านั้นที่สามารถเปิดได้ และจับคู่มากับสาย ‘Oystersteel’ พร้อมตัวล็อก ‘Oysterclasp’ (ออยสเตอร์แคลปส์) ภายในบรรจุกลไกทำงานแบบออโตเมติก Cal.3230 สำหรับขนาด 41.0 มิลลิเมตร และ 36.0 มิลลิเมตร ที่มอบความสามารถในการสำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง และ Cal.2232 ในรุ่น 31.0 มิลลิเมตร กับกำลังสำรองลานที่ 55 ชั่วโมง แน่นอนว่าทุกคาลิเบรอมาพร้อมกับมาตรฐานความเที่ยงตรงระดับ ‘Superlative Chronometer’ (ซูเปอร์ลาทีฟ โครโนมิเตอร์) โดย Rolex ตั้งราคาสำหรับรุ่นนี้ไว้ 6,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 225,000 บาท สำหรับขนาด 41.0 มิลลิเมตร 6,100 ดอลลาร์ หรือประมาณ 215,000 บาท ในรุ่นขนาด 36.0 มิลลิเมตร และ 5,650 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 2 แสนบาท กับขนาด 31.0 มิลลิเมตร
ส่วน Oyster Perpetual Day-Date 36 ‘Emoji Puzzle’ เปิดตัวมาแบบ ‘Off-catalogue’ (ออฟแคตตาล็อก) หรือไม่ปรากฏอยู่ในแคตตาล็อกปกติ และมาพร้อมกับหน้าปัดที่เต็มไปด้วยสีสันในอารมณ์สดใสเช่นเดียวกัน แต่สำหรับรุ่นนี้ลวดลายที่ปรากฏคือจิ๊กซอว์สีสันต่างๆ ในรูปแบบอีโมจิ มาต่อเข้าด้วยกันเป็นผืนหน้าปัด โดยใช้องค์ประกอบของชุดสีจำนวน 6 สี ได้แก่สีฟ้า สีแดง สีม่วง สีส้ม สีเขียว และสีเหลือง โดยที่ในส่วนต่อกันของจิ๊กซอว์แต่ละชิ้นนั้นสร้างสรรค์โดยการเดินเส้นดิ้นทองขาว พร้อมทั้งเคลือบชั้นผิวและสีด้วยเทคนิคการลงยาแบบ ‘Champlevé’ (ชอมเพลอเว) สร้างมิติชัดลึกที่เงางามและขับความสดใสของสีสันให้มากยิ่งขึ้น ยังไม่พอแค่นั้น ในส่วนของหลักชั่วโมงยังถูกแทนที่ด้วยอัญมณีสีสันต่างๆ ที่เจียระไนเป็นทรง ‘Baguette’ (บาแก็ตต์) ใน 6 เฉดสี จัดวางสลับสีในตำแหน่งบอกเวลาจำนวน 10 เม็ด อย่างสวยงาม น่าหลงใหล
การแสดงเวลายังคงสไตล์ 3 เข็ม หากแต่ช่องหน้าต่างที่เคยแสดงวันและวันที่ตามลักษณะของ Oyster Perpetual Day-Date ที่คุ้นตา กลับไม่ได้นำเสนอวันและวันที่เหมือนกับที่เคยเป็น แต่สร้างเซอร์ไพรส์โดยแทนที่ด้วยอีโมจิและข้อความที่สื่อสารถึงปรัชญาในการใช้ชีวิต ได้แก่ ‘Happy’ (แฮปปี) ‘Eternity’ (อีเทอร์นิตี) ‘Gratitude’ (แกรติจูด) ‘Peace’ (พีซ) ‘Faith’ (เฟธ) ‘Love’ (เลิฟ) และ ‘Hope’ (โฮป) ซึ่งจะปรากฏอยู่ภายในช่องหน้าต่างโค้งบริเวณตำแหน่ง 12 นาฬิกา ในขณะที่ช่องหน้าต่างที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา จะแทนที่แต่ละวันด้วยสัญลักษณ์อีโมจิรูปแบบต่างๆ ที่ดูสนุกสนาน และไม่น่าเชื่อว่าแบรนด์สไตล์อนุรักษ์นิยมอย่าง Rolex จะกล้าใช้ลูกเล่นที่สนุกๆ แบบนี้กับคอลเลกชั่นของตน และยังจัดอยู่ในกลุ่มนาฬิกาเดรสเสียด้วย
ที่สำคัญ Rolex ไม่ได้ทำคอลเลกชั่นนี้ออกมาเล่นๆ เพราะนำเสนอมาในตัวเรือนและสายแบบ ‘Full Gold’ (ฟูล โกลด์) กับดีไซน์ ‘Day-Date President’ (เดย์เดท เพรสิเดนท์) สุดคลาสสิก โดยออกมาพร้อมกันทีเดียวถึง 3 เวอร์ชั่น ได้แก่ทอง 18K ทองขาว 18K และทอง ‘Everose’ (เอเวอโรส) 18K เรียกว่าจัดเต็มความหรูมาให้เลือกแบบครบสูตร โดยตัวเรือนขนาด 36.0 มิลลิเมตร หนา 12.0 มิลลิเมตร พร้อมขอบตัวเรือนเซาะร่องคม ส่องประกายแวววาวนี้สามารถกันน้ำได้ 100 เมตร ทำงานด้วยกลไก ‘In-house’ (อินเฮาส์) ออโตเมติก Cal.3255 ซึ่งเป็น ‘Manufacture Movement’ (แมนูแฟกเจอร์ มูฟเมนท์) ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในแบบฉบับ Rolex สามารถสำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง ภายใต้มาตรฐานความเที่ยงตรงระดับ ‘Superlative Chronometer’ ในส่วนของราคาสำหรับรุ่นนี้นั้น สามารถสอบถามได้จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ
