by: ‘TomyTom’
ในปี 1924 หรือ 99 ปีก่อน บริษัทผู้ผลิตนาฬิกาแห่งประเทศญี่ปุ่น ‘K. Hattori & Co.’ (เค ฮัตโตริ แอนด์ โค) ได้สร้างนาฬิกาข้อมือที่มีชื่อ ‘Seiko’ (ไซโก) อยู่บนหน้าปัดขึ้นเป็นครั้งแรก จึงถือได้ว่านาฬิการุ่นนั้นคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์นาฬิกา Seiko และในวาระที่ปีหน้า ค.ศ. 2024 จะเป็นโอกาสครบ 100 ปี ของนาฬิการุ่นนั้น ซึ่งหมายถึงครบ 100 ปี ของการผลิตนาฬิกาภายใต้แบรนด์ Seiko ทางแบรนด์จึงใคร่เฉลิมฉลองวาระสำคัญนี้ โดยเริ่มจากนาฬิการุ่นพิเศษจากคอลเลกชั่น Presage (พรีซาจ) ที่แสดงความเคารพและรำลึกถึงวาระนี้ด้วยรูปโฉมสุดแสนวินเทจที่ปรับดีไซน์มาจากนาฬิกาข้อมือ Seiko รุ่นแรกรุ่นนั้น โดยเป็นการผลิตแบบ ‘Limited Edition’ (ลิมิเต็ด เอดิชั่น) ด้วยจำนวนที่จำกัดไว้แค่ 1,000 เรือน ด้วยชื่อที่ตั้งไว้ยาวเหยียดเพื่อบอกความพิเศษว่า Seiko Brand 100th Anniversary Seiko Presage Kintaro Hattori Limited Edition (ไซโก แบรนด์ เดอะ วันฮันเดร็ดธ์ แอนนิเวอร์ซารี ไซโก พรีซาจ คินทาโร ฮัตโตริ ลิมิเต็ด เอดิชั่น) รหัส SPB441
นาฬิกาจากปี 1924 ที่มีชื่อ ‘Seiko’ ปรากฏอยู่บนหน้าปัดเป็นครั้งแรก และยังเป็นนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกที่บริษัทสร้างขึ้นหลังจากที่โรงงาน ‘Seikosha’ ถูกทำลายจากแผ่นดินไหว ‘Great Kanto Earthquake’ ในปี 1923
Seiko Brand 100th Anniversary Seiko Presage Kintaro Hattori Limited Edition SPB441
รูปโฉมสุดวินเทจของนาฬิการุ่นดั้งเดิมถูกจำลองขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่มีการปรับปรุงให้สละสลวยยิ่งขึ้นในรายละเอียด ตัวเรือนสเตนเลสสตีลทรงกลมกลึงขนาด 35.0 มิลลิเมตร ไซส์สุดวินเทจ ซึ่งเคลือบเสริมความคงทนด้วย ‘Super Hard Coating’ (ซูเปอร์ ฮาร์ด โคติง) และเม็ดมะยมชิ้นใหญ่แต่ไม่หนานัก ถูกสร้างขึ้นมาโดยปรับสัดส่วนให้ดูร่วมสมัยขึ้น ขาตัวเรือนแบบหูกะทะของต้นฉบับถูกเปลี่ยนเป็นท่อนทึบขอบมนที่ทำให้ถอดสายออกได้แต่ก็ยังมีลักษณะเป็นหูกะทะอยู่ กระจกหน้าปัดใช้แซพไฟร์คริสตัลทรงกล่องสันลาด เพื่อเพิ่มมิติและเคลือบสารกันแสงสะท้อนมาให้ที่ฝั่งด้านใน สายนาฬิกาหนังวัวสีดำถูกออกแบบใหม่ด้วยลักษณะของสายแบบวินเทจที่มีความซับซ้อน โดยเป็นแบบสอดร้อยพาดผ่านฝาหลัง ซึ่งเป็นรูปแบบสายที่ใช้กันอยู่ในยุคที่รุ่นดั้งเดิมถูกผลิตขึ้นมา สำหรับความหนาของนาฬิกาโดยรวมจะอยู่ที่ 12.3 มิลลิเมตร
บนฝาหลังซึ่งเป็นแบบแผ่นทึบขันเกลียว มีการสลักเครื่องหมายการค้าที่เป็นสัญลักษณ์ ‘S’ แบบดั้งเดิมของโรงงาน ‘Seikosha’ (ไซโกฉะ) ที่จดทะเบียนไว้เมื่อปี 1900 ร่วมกับชื่อ ‘Seiko’ ในฟอนต์แบบวินเทจ ข้อความ ‘Limited Edition’ ระบุหมายเลขประจำเรือน ‘XXXX/1000’ ร่วมด้วยข้อความ ‘One Step Ahead of the Rest’ (วัน สเต็ป อะเฮด ออฟ เดอะ เรสต์) อันเป็นปรัชญาในการทำงานของบริษัท ‘Seikosha’ และชื่อ ‘Kintaro Hattori’ (คินทาโร ฮัตโตริ) ผู้ก่อตั้ง Seiko ผู้เป็นเจ้าของปรัชญานี้ นอกจากนี้บนเม็ดมะยมก็ยังสลักเครื่องหมายการค้า ‘S’ ของ ‘Seikosha’ เอาไว้ด้วย ส่วนเรื่องการกันน้ำสามารถกระทำได้ถึงระดับ 5 บาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับ 50 เมตร
ชื่อแบรนด์บนหน้าปัดใต้ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ถูกพิมพ์สีดำด้วยฟอนต์ที่ใกล้เคียงกับรุ่นดั้งเดิม เช่นเดียวกับฟอนต์เลขอารบิกของหลักชั่วโมงที่เป็นสไตล์ ‘Breguet’ (เบรเกต์) ไปจนถึงรูปแบบสเกลนาที หากแต่วงหน้าปัดย่อยแบบรางรถไฟพร้อมเลขกำกับ 6 ตำแหน่ง ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา มีการปรับเปลี่ยนจากที่เดิมเป็นวงวินาที มาเป็นวงหน้าปัดบอกเวลา 24 ชั่วโมง ด้วยฟอนต์ตัวเลขอารบิก และมี 6 ตำแหน่ง กับใช้สเกลเป็นแบบรางรถไฟ เช่นเดียวกับของเดิม หน้าปัดยังคงเป็นสีขาวจากการลงยาเหมือนต้นฉบับ โดยเป็นฝีมือของ Mitsuru Yokosawa (มิตสึรุ โยโกซาวะ) และทีมงานของเขา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการลงยาหน้าปัดนาฬิกา และอีกจุดเหมือนที่สำคัญก็คือ การสร้างรูปร่างของเข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีทรงแปลกตาทำสีน้ำเงิน และเข็มขนาดเล็กทำสีน้ำเงิน ที่เหมือนกับต้นฉบับแทบไม่ผิดเพี้ยน หากแต่หนนี้มีเข็มวินาทีกลางสีน้ำเงินเพิ่มเข้ามาอีกเข็มหนึ่ง โดยมีรูปลักษณ์เหมือนกับเข็มขนาดเล็ก
การขับเคลื่อนมอบหมายเป็นหน้าที่ของกลไก ‘In-house’ (อินเฮาส์) อัตโนมัติ ขึ้นลานด้วยมือได้ พร้อมฟังก์ชันหยุดเข็มวินาทีขณะตั้งเวลา Cal.6R5H จำนวนทับทิม 24 เม็ด ความถี่การทำงาน 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง ที่สำรองพลังงานได้ถึง 72 ชั่วโมง หรือเท่ากับ 3 วัน ซึ่งเป็นกลไกที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อให้มีฟังก์ชันบอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ด้วยเข็มขนาดเล็ก ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งตรงกับตำแหน่งเข็มวินาทีของรุ่นต้นฉบับ
นาฬิการุ่นพิเศษสุดๆ ทั้ง 1,000 เรือน นี้จะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 เป็นต้นไป ทั้งที่บูติกของ Seiko และตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา Seiko ทั่วโลก โดยมาพร้อมกับกล่องไม้แนวยาวสไตล์วินเทจที่บุด้านในด้วยสีขาว และมีชื่อ ‘Seiko’ ในฟอนต์ดั้งเดิมประทับอยู่ด้านในของฝา ทั้งยังบรรจุหมุดตราสีทองที่สลักเป็นเครื่องหมายการค้า ‘S’ ของ ‘Seikosha’ เอาไว้ในกล่องด้วย ราคาจำหน่ายที่ Seiko แจ้งไว้คือ 2,000 ยูโร หรือราว 77,300 บาท