HOME HEADER
HOME HEADER
Home Articles SEIKO PROSPEX SAVE THE OCEAN #8 - ซีรีย์รักษ์มหาสมุทรลำดับที่ 8

SEIKO PROSPEX SAVE THE OCEAN #8 – ซีรีย์รักษ์มหาสมุทรลำดับที่ 8

by: ‘Mr.Big’

 

โปรเจกต์  ‘Seiko Save the Ocean’ (ไซโก เซฟ ดิ โอเชียน) คือกิจกรรมของ Seiko ที่ต่อยอดมาจาก ‘Save the Sea’ (เซฟ เดอะ ซี) ซึ่งแต่เดิมมีจุดมุ่งหมายในการที่จะร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูท้องทะเลไทย และกระตุ้นจิตสำนึกของผู้คน ผ่านกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บขยะทะเล ปลูกปะการัง ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ฟื้นฟูระบบนิเวศของทะเลในแต่ละท้องที่ ซึ่ง Seiko ได้ดำเนินกิจกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และต่อมาทาง Seiko ก็ได้ขยายสเกลของกิจกรรมดังกล่าวให้ใหญ่ขึ้น และยกระดับให้เป็นกิจกรรมในระดับสากล ซึ่งไม่ได้จำเพาะแค่ท้องทะเลไทยเพียงอย่างเดียว และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ‘Seiko Save the Ocean’ จนถึงปัจจุบัน

 

และในการจัดกิจกรรมแต่ละครั้ง ทาง Seiko ก็จะมีนาฬิการุ่นพิเศษที่ถือเป็นตัวแทนของกิจกรรมดังกล่าวออกมาให้นักสะสมได้ยลโฉมอยู่เสมอ ซึ่งแต่ละรุ่นที่ออกมาก็ล้วนสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้จากแรงบันดาลใจจากท้องทะเลที่แตกต่างกัน อย่างเช่นในปีที่ผ่านมาได้นำแรงบันดาลใจจากหิมะและนกเพนกวิน ที่ถือเป็นสัตว์ประจำถิ่นที่อาศัยอยู่ในโซนมหาสมุทรแอนตาร์กติกและอาร์กติก มาสร้างสรรค์เป็นเรือนเวลาที่โดดเด่นด้วยรายละเอียดที่สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นจับขั้วหัวใจของมหาสมุทรขั้วโลกทั้ง 2 ในปีนี้จึงต่อยอด ‘Save the Ocean’ รุ่นใหม่ซึ่งเป็น ‘Special Edition’ (สเปเชียล เอดิชั่น) ลำดับที่ 8 ด้วยการรังสรรค์ขึ้นภายใต้แรงบันดาลใจที่ได้รับจากความงดงามของทิวทัศน์ของภูเขาน้ำแข็ง และแผ่นน้ำแข็งที่ลอยตัวอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรแอนตาร์กติกยามค่ำคืน

MITSUBISHI

 

นาฬิกาซีรีย์ใหม่ของ ‘Save the Ocean’ ประจำปีนี้ ถูกนำเสนอด้วยคลาส Prospex (โพรสเป็กซ์) ใน 2 รูปแบบด้วยกัน นั่นคือดีไซน์แบบ ‘Monster’ (มอนสเตอร์) ภายใต้รุ่นรหัส SRPH75 และ ‘Mini Tuna’ (มินิ ทูน่า) ในรุ่นรหัส SRPH77 ซึ่งทั้ง 2 เรือน มาพร้อมรายละเอียดในการตกแต่งหน้าปัดที่เหมือนกัน คือใช้เทคนิคพิเศษในการสร้างพื้นผิวหน้าปัดให้เหมือนกับพื้นผิวของผลึกน้ำแข็งในท้องทะเลอันหนาวเหน็บ ในโทนสีน้ำเงินเข้มเหลือบประกายเงินตามลักษณะสีของมหาสมุทรแอนตาร์กติกท้องยามค่ำคืน แฝงดีเทลของเกล็ดน้ำแข็งที่สะท้อนกับแสงใต้และแสงดาวยามค่ำคืนไว้อีกด้วย และยังสร้างอีสเตอร์เอ้กภายในลวดลายดังกล่าวด้วยการประทับเงาของนกเพนกวินและฝูงปลาที่กำลังแหวกว่ายตามกันอย่างเพลิดเพลินอยู่ภายในผืนสมุทรที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง เพื่อระลึกถึงความงามแห่งธรรมชาติ และเพื่อให้เกิดการตระหนักถึงการรักษาระบบนิเวศ ที่จะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล

 

สำหรับ Save the Ocean #8 รุ่น SRPH75 มาพร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีลที่ดีไซน์ในเอกลักษณ์ของ ‘Monster’ ขนาด 42.43 มิลลิเมตร หนา 13.4 มิลลิเมตร พร้อมขอบตัวเรือนแบบปรับหมุนทิศทางเดียว ภายใต้ประสิทธิภาพการกันน้ำที่ระดับ 200 เมตร จัดแสดงเวลาแบบ 3 เข็ม ด้วยเข็มและหลักชั่วโมงที่ยังคงออกแบบตามดีไซน์ของ ‘Monster’ เคลือบด้วยสารเรืองแสง ‘LumiBrite’ (ลูมิไบร์ท) ให้สามารถอ่านค่าได้ชัดเจนแม้ในที่แสงน้อย แสดงวันและวันที่ผ่านช่องหน้าต่างยาวใต้เลนส์ขยายที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ประกอบกับสายสเตนเลสสตีล บรรจุจักรกลทำงานแบบ ‘In-house’ (อินเฮาส์) อัตโนมัติ Cal.4R36 ที่สามารถขึ้นลานด้วยมือได้อีกทางหนึ่ง มีความถี่ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง ทับทิมกันสึก 24 เม็ด เก็บพลังงานได้ 41 ชั่วโมง เปิดราคามาที่ 20,900 บาท

ส่วน SRPH77 ในร่าง ‘Mini Tuna’ ผลิตตัวเรือนขึ้นจากสเตนเลสสตีลเช่นกัน ที่ขนาด 43.22 มิลลิเมตร หนา 12.63 มิลลิเมตร และกันน้ำได้ 200 เมตร หลักชั่วโมงดีไซน์เป็นทรงกลมและทรงสามเหลี่ยมที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และเข็มที่ดีไซน์ในเอกลักษณ์ของคอลเลกชั่น แสดงเวลาแบบ 3 เข็ม และเพิ่มความกระจ่างชัดให้กับการอ่านค่าในทุกสภาวะแสงด้วยสารเรืองแสง ‘LumiBrite’ แสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างที่แทรกอยู่ระหว่างตำแหน่ง 4-5 นาฬิกาอย่างกลมกลืน ประกอบกับสายโพลียูรีเทนสีกรมท่า ส่วนกลไกทำงานใช้เป็นเครื่อง ‘In-house’ ออโตเมติก Cal.4R35 ซึ่งมีอัตราความถี่ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง ติดตั้งทับทิมกันสึก 23 เม็ด สำรองพลังงานได้ 41 ชั่วโมง สามารถขึ้นลานด้วยมือ และหยุดเข็มวินาทีขณะตั้งเวลาได้ ราคาตั้งไว้ที่ 21,700 บาท

SEIKO MAY 23 CONTENT RGT