HOME HEADER
HOME HEADER
Home Articles SEIKO WATCHMAKING 100th ANNIVERSARY KING SEIKO LIMITED EDITION SPB365J - เรือนราชาลายกระดองเต่าแห่งวาระฉลอง 110...

SEIKO WATCHMAKING 100th ANNIVERSARY KING SEIKO LIMITED EDITION SPB365J – เรือนราชาลายกระดองเต่าแห่งวาระฉลอง 110 ปี

by: ‘Mr.Big’

 

Kintaro Hattori (คินทาโร ฮัตโตริ) ได้วางรากฐานทางธุรกิจเมื่อเปิดร้านรับซ่อมและจำหน่ายนาฬิกาขึ้นในย่านกินซ่าเมื่อปี 1881 ซึ่งต่อมาได้ก่อตั้งโรงงานผลิตนาฬิกาแขวนผนังที่มีชื่อว่า ‘Seikosha’ (ไซโกฉะ) ในปี 1892 ก่อนจะเพิ่มสายการผลิตนาฬิกาพกขึ้นในปี 1895 จนกระทั่งปี 1913 ก็ได้ผลิตนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกขึ้นมา และยังเป็นนาฬิกาข้อมือสัญชาติญี่ปุ่นเรือนแรกอีกด้วย โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า ‘Laurel’ (ลอเรล) และจุดไทม์ไลน์ดังกล่าว ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งวาระที่น่ายินดีสำหรับ Seiko เมื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 110 ปี แห่งการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือเรือนแรกอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเผยโฉมนาฬิการุ่นพิเศษที่สร้างสรรค์มาเพื่อโอกาสดังกล่าวในหลากหลายคอลเลกชั่น ซึ่งทยอยเปิดตัวออกมา อาทิ Presage (พรีซาจ) และ Prospex (พรอสเป็กซ์) รวมถึงแบรนด์ในเครืออย่าง Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) และล่าสุดก็เป็นคิวของคอลเลกชั่นระดับราชาอย่าง King Seiko (คิง ไซโก) ที่ขอวาดลวดลายฉลองวาระ 110 ปี แห่งการถือกำเนิดนาฬิกาข้อมือเรือนแรก ด้วยหน้าปัด ‘Kikkoumon’ (คิกคูมง)

MITSUBISHI

 

เรือนเวลาแห่งการเฉลิมฉลองรุ่นนี้มาพร้อมรหัส SPB365J นำเสนอไฮไลท์อันโดดเด่นกระทบจุดโฟกัสสายตาด้วยพื้นหน้าปัดที่รังสรรค์ในลวดลาย ‘Kikkoumon’ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปทรงหกเหลี่ยมวางประกบต่อกันคล้ายลวดลายบนกระดองเต่า อันเป็นหนึ่งลายโบราณของญี่ปุ่นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเราจะพบเห็นอยู่ในข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น เครื่องเคลือบ แจกัน ชุดกิโมโน เกราะซามูไร เป็นต้น โดยเหตุผลที่ Seiko เลือกใช้ลวดลายดังกล่าวกับ King Seiko เนื่องจากต้นกำเนิดของ King Seiko มีรากฐานมาจากย่าน ‘Kameido’ (คาเมอิโดะ) อันเป็นที่ตั้งของโรงงานที่รับหน้าที่ผลิตนาฬิกา King Seiko โดยเฉพาะ ซึ่งย่านดังกล่าวถูกล้อมด้วยแม่น้ำ จึงถูกเรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า ‘เกาะเต่า’ และ Seiko ยังได้เพิ่มความน่าสนใจให้กับลายดังกล่าวมากขึ้น ด้วยการใช้สีน้ำตาลทองและลงรายละเอียดแต่ละชิ้นด้วยการวางรูปหกเหลี่ยมซ้อนกัน พร้อมทั้งเพิ่มการไล่ระดับสีส่องสว่างจากสู่ศูนย์กลางและค่อยๆ เข้าสู่ส่วนมืดบริเวณขอบ กลายเป็นอีกหนึ่งอารมณ์ความงามที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ในแบบฉบับอาทิตย์อุทัย

 

องค์ประกอบอื่นๆ บนหน้าปัดยังคงใช้ดีไซน์ที่เป็นซิกเนเจอร์ประจำตัวของ King Seiko ไม่ว่าจะเป็นหลักชั่วโมงทรงแท่งที่ปาดส่วนข้างเป็นแนวเอียงทั้ง 2 ฝั่ง ในขณะที่ส่วนหน้าตัดก็เพิ่มรายละเอียดด้วยการแต่งลายเส้นถี่เป็นแนว และหลักชั่วโมงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ก็เป็นแบบประกบคู่ แต่งผิวหน้าตัดลายพีระมิด ดูคล้ายกับลาย ‘Clous de Paris’ (กลูส์ เดอ ปารีส์) ซึ่งสัมผัสได้ถึงความประณีตในการทำ พร้อมโลโก้ ‘Seiko’ สีทองที่ดูกลมกลืนกัน แสดงเวลาแบบ 3 เข็ม ด้วยเข็มทรงดาบปลายแหลมที่ผ่านการขัดแต่งด้วยเทคนิค ‘Zaratsu’ (ซารัตสึ) และเข็มวินาทีสีทอง ในขณะที่การทำงานยังคงใช้เป็นชุดกลไก ‘In-house’ (อินเฮาส์) ออโตเมติก Cal.6R31 ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 27.4 มิลลิเมตร หนา 5.25 มิลลิเมตร ติดตั้งทับทิมกันสึก 24 ชิ้น อัตราความถี่ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง ใช้สายใยจักรกลอก ‘Spron 510’ (สปรอน ไฟว์วันซีโร) อัตราคลาดเคลื่อนของเวลาอยู่ที่ -15 ถึง +25 วินาที/วัน สร้างพลังงานด้วยการขึ้นลานผ่านโรเตอร์แบบหมุน 2 ทิศทาง และสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 70 ชั่วโมง

 

ทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาดบอยไซส์ตามสมัยนิยมที่ 37.0 มิลลิเมตร หนา 12.1 มิลลิเมตร ขัดแต่งลายแบบปัดด้านสลับขัดมันอย่างมีมิติ กระจกหน้าปัดเป็นคริสตัลแซพไฟร์ทรงกล่อง เคลือบสารกันการสะท้อน พร้อมฝาหลังแบบทึบ สลักสัญลักษณ์ตราโล่ของ King Seiko โดยมีความสามารถในการกันน้ำที่ระดับ 100 เมตร ประกอบกับสายสเตนเลสสตีลแบบ 7 แถว พร้อมสายหนังฟอกสีดำที่ได้รับการรับรองจาก LWG (Leather Working Group – ลีเธอร์ เวิร์กิง กรุ๊ป) กับตัวล็อกสายดีไซน์เฉพาะของ ‘King Seiko’ ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,200 เรือน ในสนนราคา 71,000 บาท สามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้แล้ววันนี้ที่บูติกของ Seiko เซ็นทรัลพระราม9 เคาน์เตอร์ Seiko ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ และสามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ seikoboutiquethailand.com

SEIKO MAY 23 CONTENT RGT