UN HEADER 23
UN HEADER 23
Home Articles TAG HEUER CONNECTED CALIBRE E4 - เจเนเรชั่นที่ 4 ของสมาร์ทวอทช์ชั้นเลิศ

TAG HEUER CONNECTED CALIBRE E4 – เจเนเรชั่นที่ 4 ของสมาร์ทวอทช์ชั้นเลิศ

by: ‘Mr.Big’

 

ผ่านไปร่วม 2 ปีแล้ว นับตั้งแต่ที่ TAG Heuer (แทค ฮอยเออร์) เผยโฉมคอลเลกชั่นสมาร์ทวอทช์ Connected (คอนเนคเต็ด) เจเนเรชั่นที่ 3 ในปี 2020 จนมาถึงปี 2022 นี้ ก็ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะได้เผยโฉมเจเนเรชั่นต่อมาเสียที ซึ่งในลำดับที่ 4 นี้มีไฮไลท์อยู่ที่การอัพเดทระบบขับเคลื่อนใหม่ Cal.E4 พร้อมนำชื่อระบบขับเคลื่อนชุดใหม่นี้ไปตั้งเป็นชื่อรุ่นให้รู้กันไปแบบชัดๆ เลยว่า Connected Calibre E4 (คอนเนคเต็ด คาลิเบรอ อีโฟร์)

MITSUBISHI

 

ในโลกยุคปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่า สมาร์ทวอทช์คือประเภทนาฬิกาที่ครองสัดส่วนใหญ่ที่สุดในตลาดปัจจุบัน แน่นอนว่านาฬิกาประเภทนี้อาจไร้ซึ่งเสน่ห์ของการผลิตนาฬิกาจักรกลแบบดั้งเดิม แต่ฟังก์ชันอันทันสมัยมากมายที่บรรจุอยู่ในเรือนเวลาเล็กๆ นั้นกลับน่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้สวมใส่นาฬิกาทั่วโลก ด้วยความตระหนักถึงเทรนด์ที่เปลี่ยนไป TAG Heuer จึงเสนอ Connected มาเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสมาร์ทวอทช์ โดยผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมการผลิตนาฬิกาแบบสวิสอย่างลงตัว เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ โดยไม่ทิ้งตัวตนของแบรนด์นาฬิกาสวิสเมด และ Connected Calibre E4 คือสมาร์ทวอทช์เจเนเรชั่นที่ 4 จาก TAG Heuer ที่ได้รับการรีเฟรชครั้งใหญ่ด้วยการปรับแต่งที่หลากหลาย

 

การเปลี่ยนแปลงอันดับแรกในเจเนเรชั่นที่ 4 คือการนำเสนอทางเลือกด้วยขนาดตัวเรือน 42.0 มิลลิเมตร หลังจากที่ผ่านมาเราคุ้นเคยกับ Connected ในขนาด 45.0 มิลลิเมตร มาโดยตลอด แต่ถึงอย่างไรในรุ่นใหม่นี้ก็ยังคงขนาดตัวเรือน 45.0 มิลลิเมตร เอาไว้ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่คุ้นชินกับขนาดดังกล่าวด้วย ส่วนของเม็ดมะยมและปุ่มกด ถูกปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้น วัสดุที่ใช้ในการผลิตก็ยังคงสามารถเลือกเป็นสเตนเลสสตีลหรือไทเทเนียมเคลือบสีดำด้วยเทคนิค DLC สำหรับขนาด 45.0 มิลลิเมตร แต่ในรุ่น 42.0 มิลลิเมตร จะมีเพียงตัวเรือนสเตนเลสสตีลอย่างเดียวเท่านั้น และไม่มีส่วนของขอบวงแหวนที่เป็นกรอบตัวเรือน แต่ถูกรวมเข้าไปอยู่ในส่วนของหน้าปัดแทน ทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมจึงมีความเป็นลักชัวรีสปอร์ต ในขณะที่ขนาด 45.0 มิลลิเมตร จะอยู่ในลุคที่ดูสปอร์ตแบบเต็มตัว

 

หน้าปัดยังคงนำเสนอการแสดงผลของฟังก์ชันต่างๆ ผ่านหน้าจอ OLED (โอเลด) ทัชสกรีน ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล สำหรับขนาด 45.0 มิลลิเมตร และขนาด 1.28 นิ้ว ความละเอียด 416 x 416 พิกเซล ในรุ่น 42.0 มิลลิเมตร โดยทั้ง 2 หน้าจอใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้ในพื้นที่แดดจัด หรือในสภาพแวดล้อมที่สว่างกว่า พร้อมอินเตอร์เฟซหน้าจอหลากหลายแบบ แบตเตอรี่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น 30% ทำให้สามารถใช้งานได้ 1 วันเต็มๆ แม้จะเปิดฟังก์ชันด้านสุขภาพต่างๆ มาพร้อมแท่นชาร์จที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งใช้เวลาในการชาร์จจาก 0-100% ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เสริมด้วยเทคโนโลยีบลูทูธเวอร์ชั่น 5.0 ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลเร็วขึ้น 2 เท่า และเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ยังมาครบแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น GPS และเครื่องวัดต่างๆ ทั้งเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เข็มทิศดิจิตอล เครื่องวัดความเร่ง เครื่องวัดการหมุน และเซ็นเซอร์ตัวใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่างเครื่องวัดความสูง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนำใช้งานร่วมกับการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา

 

ในส่วนของฟังก์ชันยังคงครบครันและอัดแน่น รวมถึงได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะในส่วนของการออกกำลังกายที่เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ นั่นคือโค้ชแนะนำการออกกำลังกายที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องเสมอ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งคำแนะคำจากคลิปต่างๆ ในสมาร์ทโฟนหรือโทรทัศน์ โดยผู้ช่วยการออกกำลังกายจะตั้งโปรแกรมสำหรับการออกกำลังกายที่ถูกต้องและปลอดภัยเอาไว้ล่วงหน้า ผู้สวมใส่สามารถเลือกได้ว่าอยากจะเน้นการออกกำลังกายในส่วนไหน หรืออยากออกกำลังกายแบบเต็มตัว พร้อมอนิเมชั่นกราฟิกที่จะแนะนำให้เห็นภาพของการเคลื่อนไหวร่างกายที่ถูกต้องสำหรับการออกกำลังกายแต่ละประเภท และการแจ้งเตือนการออกกำลังกาย นอกจากนั้นยังสามารถกำหนดกิจวัตรในการออกกำลังกายของตัวเองได้ด้วยเช่นกัน

 

Connected Calibre E4 มาพร้อมกับสายแบบที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง ในตัวเลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นสายหนัง สายยางหลากหลายสี หรือแม้แต่สายสเตนเลสสตีล ในเรนจ์ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1,800-2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยประมาณ 58,000-65,000 บาท สำหรับรุ่น 42.0 มิลลิเมตร และ 2,050-2,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 66,000-81,000 บาท สำหรับรุ่น 45.0 มิลลิเมตร

SEIKO JUNE 23 CONTENT RGT
Luxe Time Pop Up