by: ‘TomyTom’
TAG Heuer (แทค ฮอยเออร์) สานต่อสายพันธุ์นาฬิกาเรือนเหลี่ยมด้านเท่าเปี่ยมเอกลักษณ์ตระกูล Monaco (โมนาโค) อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเผยโฉมเอดิชั่นผลิตจำนวนจำกัด 1,000 เรือน ที่เสริมแต่งด้วยโทนสีน้ำเงิน ‘French Racing Blue’ (เฟรนช์ เรซิง บลู) สีน้ำเงินแห่งรถแข่งสัญชาติฝรั่งเศสในยุคอดีต ซึ่งให้ชื่อตรงตัวว่า ‘Monaco Chronograph Racing Blue Limited Edition’ (โมนาโค โครโนกราฟ เรซิง บลู ลิมิเต็ด เอดิชั่น)
ในวงการแข่งขันรถยนต์เมื่อยุคก่อนเก่า ตั้งแต่ทศวรรษ 1920-1950s นั้น สีบนตัวถังของรถแข่งจะใช้สีประจำชาติของทีมแข่งต้นสังกัดหรือผู้ผลิตรถ มิใช่สีประจำทีม สีประจำแบรนด์รถ หรือสีของสปอนเซอร์ผู้สนับสนุน (ที่เพิ่งได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ตั้งแต่ยุค 1960s เป็นต้นมา) ซึ่งสีของทีมสัญชาติฝรั่งเศสจะใช้สีน้ำเงินโทนที่เรียกกันว่า ‘French Racing Blue’ ลงขับเคี่ยวกับรถแข่งสีอื่นๆ ของชาติต่างๆ อย่างสีเขียว ‘British Racing Green’ (บริติช เรซิง กรีน) สีแดง ‘Italian Red’ (อิตาเลียน เรด) และสีขาวของเยอรมันที่ต่อมาเปลี่ยนไปใช้สีเงิน เป็นต้น หนนี้ทาง TAG Heuer จึงได้หยิบสีน้ำเงิน ‘French Racing Blue’ มาใช้เป็นธีมในการตกแต่งนาฬิกาผลิตจำนวนจำกัดเอดิชั่นนี้ โดยนำรุ่นคลาสสิก Monaco Chronograph แบบเม็ดมะยมซ้าย ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไก Cal.11 ซึ่งมีวงหน้าปัดย่อย 2 วง มาเป็นฐานในการสร้าง
ตัวเรือนขนาด 39.0×39.0 มิลลิเมตร สำหรับเอดิชั่นนี้ TAG Heuer เลือกสร้างขึ้นจากไทเทเนียมเกรด 2 ซึ่งมากับผิวพ่นทรายล้วน ดูหยาบด้านราวกับผิวคอนกรีต ส่วนเม็ดมะยมและปุ่มกดทั้ง 2 ก็เป็นไทเทเนียมผิวทรายด้วยเช่นกัน และเมื่อวัดรวมกระจกหน้าปัดแซพไฟร์คริสตัลทรงโดมยกขอบสันเด่นชัด และฝาหลังไทเทเนียมผิวทรายแผ่นเหลี่ยม กรุแผ่นแซพไฟร์คริสตัลทรงกลมแล้ว จะมีความหนารวมอยู่ที่ 14.35 มิลลิเมตร ในด้านการกันน้ำก็กระทำได้ถึง 100 เมตร สมการเป็นนาฬิกาสปอร์ต แล้วจับคู่มากับสายดีไซน์ย้อนยุคที่เจาะร่องรูกลมไว้ 3 แถว โดยมีแถวกลางใหญ่กว่าแถวริม ทำจากหนังวัวสีน้ำเงิน เย็บด้วยด้ายสีน้ำเงิน โดยมีฝั่งด้านหลังเป็นสีดำและด้ายสีดำ ส่วนตัวล็อกเป็นบานพับไทเทเนียมผิวทรายทรงเหลี่ยม รับกับตรา ‘Heuer’ แบบดั้งเดิมที่สลักไว้อย่างสวยงาม และปลอดภัยจากการหลุดออกโดยไม่ตั้งใจด้วยการใช้ปุ่มกดคู่ในการปลดล็อก
หน้าปัดของเอดิชั่นนี้เป็นสีเงินกระจ่าง เล่นกับแสงอย่างสวยงามจากการปัดผิวเป็นลาย ‘Sunray’ (ซันเรย์) ตัดกับพื้นสีน้ำเงินผิวโอปอลีนของวงหน้าปัดย่อยทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขอบมน 2 วง ณ ตำแหน่ง 3 กับ 9 นาฬิกา ที่มีระนาบหน้าปัดจมลึกกว่าหน้าปัดหลัก ตัดขอบแบบดิบๆ ได้อารมณ์วินเทจ สอดคล้องกับสเกลสีขาวในวงหน้าปัดย่อยทั้ง 2 ที่วางตัวเลข 2 แถว เรียงกัน 3 หลัก ในแบบหน้ากระดาน ส่วนหน้าต่างวันที่เจาะไว้ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เป็นทรงสี่เหลี่ยมปาดเอียงเป็นกรอบ ล้อมด้วยเส้นสีดำเพื่อเน้นนำสายตาสู่เลขวันที่สีดำบนจานสีขาว
แท่งหลักชั่วโมงทรงสี่เหลี่ยมขัดเงา สร้างความแตกต่างจากพื้นหน้าปัดถูกติดตั้งในแนวนอนใน 8 ตำแหน่ง บวกกับแนวตั้งอีก 1 ชิ้น ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ที่เซาะร่องกลางแล้วเคลือบแนวร่องด้วยแลคเกอร์สีเหลืองมะนาว ร่วมด้วยเส้นสเกลสีดำที่มีการวางจุดกลมซึ่งเป็นสารเรืองแสง ‘Super-LumiNova’ (ซูเปอร์ลูมิโนวา) สีน้ำเงินไว้ที่ตำแหน่งหลักทั้ง 12 ในส่วนของข้อความต่างๆ รวมถึงตรา ‘Heuer’ แบบวินเทจก็ล้วนถูกพิมพ์ด้วยสีดำ ซึ่งตำแหน่งเหล่านี้ถือว่ากระทำตามต้นฉบับรุ่นแรกของ Monaco ที่ถือกำเนิดในปี 1969 เข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีใช้ทรงแท่งดินสอเคลือบโรเดียมขัดเงา เซาะแนวร่องกลางแต่งผิวด้าน เติม ‘Super-LumiNova’ สีขาวไว้ที่แนวร่อง ขณะที่เข็มจับเวลาวินาทีเคลือบแลคเกอร์สีเหลืองมะนาวอย่างโดดเด่น ส่วนเข็มขนาดเล็กทั้ง 2 เป็นแบบแท่งเคลือบโรเดียม
เมื่อพลิกมาด้านหลังจะเห็นโรเตอร์ฉลุร่องสามเหลี่ยม ตกแต่งผิวแบบแถบริ้วแบบเจนีวา สลักชื่อคาลิเบรอลงสีดำและตรา ‘Heuer’ ลงสีแดงไว้อย่างเด่น ขณะที่บนสะพานจักรถูกขัดเป็นแนววนแบบก้นหอย ซึ่งกลไกที่เห็นนี้ก็คือ Cal.11 กลไกอัตโนมัติ ความถี่การทำงาน 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงานได้ 40 ชั่วโมง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 30.0 มิลลิเมตร จำนวนทับทิมรวม 59 เม็ด มาพร้อมฟังก์ชันวันที่ และฟังก์ชันโครโนกราฟจับเวลา 30 นาที ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก Cal.SW300-1 ของ ‘Sellita’ (เซลลิตา) ที่ติดตั้งโมดูลจับเวลาของ ‘Dubois-Dépraz’ (ดูบัวส์-เดปราซ์) ซึ่งเมื่อหมุนเม็ดมะยมไปอยู่ที่ 9 นาฬิกา ก็ทำให้วงหน้าปัดจับเวลา 30 นาที มาอยู่ที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ด้วยนั่นเอง
แต่ละเรือนของ ‘Limited Edition’, ‘One of 1000’ (วัน ออฟ วันเธาแซนด์) ที่สลักบอกไว้บนฝาหลังของ TAG Heuer Monaco Chronograph Racing Blue Limited Edition ถูกกำหนดค่าตัวไว้ที่ 9,000 ฟรังก์สวิส หรือราว 351,000 บาท โดยเริ่มจำหน่ายแล้วตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2023 เป็นต้นไป โดยจะมาพร้อมกับกล่องบรรจุและกระเป๋าหนังสีดำที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ ในโทนสีน้ำเงิน เหลืองมะนาว ดำ และขาว ตามสีบนเรือนนาฬิกา