by: ‘TomyTom’
ในสัปดาห์แห่งฉลามนี้ เป็นโอกาสอันดีที่ Ulysse Nardin (ยูลิส นาร์แดง) จะนำเสนอนาฬิกาดำน้ำกลไกโครโนกราฟผลิตจำนวนจำกัดรุ่นใหม่ที่ให้ชื่อว่า Diver Chronograph Great White 44mm Limited Edition (ไดเวอร์ โครโนกราฟ เกรท ไวท์ 44 มิลลิเมตร ลิมิเต็ด เอดิชั่น) ซึ่งเพิ่มพูนบทบาทของแบรนด์ในการสนับสนุนการอนุรักษ์ฉลาม โดย Ulysse Nardin จะบริจาครายได้ 1% จากยอดขายประจำปีของนาฬิกาฉลามทั้งหมดเพื่อสนับสนุนองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เน้นการอนุรักษ์ฉลาม และยังจับมือกับพันธมิตรรายใหม่ ‘Shark Trust’ (ชาร์ก ทรัสต์) องค์กรการกุศลในยุโรปผู้มีวัตถุประสงค์เพื่อปฏิรูปการทำประมงที่ไม่ยั่งยืนและไร้การจัดการ รวมไปถึงห่วงโซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำจากฉลามทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้ Mike Coots (ไมค์ คูตส์) ชายชาวฮาวายผู้สูญเสียขาขวาจากการโดนฉลามเสือจู่โจมขณะเล่นบอดี้บอร์ดเมื่ออายุ 29 ปี แต่หลังจากนั้นเขาก็สนับสนุนการอนุรักษ์ฉลามเพื่อรักษาสมดุลในระบบนิวเวศมาโดยตลอด มาเป็นเพื่อนใหม่ของแบรนด์อีกด้วย
ทราบกันดีว่า Ulysse Nardin ใช้ฉลามชนิดต่างๆ เป็นสัญลักษณ์สำคัญให้กับนาฬิกาดำน้ำของตนมานานแล้ว เริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 2010 ด้วย Diver Hammerhead shark (ไดเวอร์ แฮมเมอร์เฮด ชาร์ก) แต่มาจริงจังขึ้นใน ค.ศ. 2018 ด้วย Diver Great White Shark (ไดเวอร์ เกรท ไวท์ ชาร์ก) ที่จำหน่ายหมดไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จะมีนาฬิกาฉลามสายพันธุ์ต่างๆ ผลิตจำนวนจำกัดออกมาเป็นรายปี และปี 2022 นี้คือ Diver Chronograph Great White 44 mm Limited Edition เรือนไทเทเนียม กันน้ำได้ 300 เมตร ผลิตจำนวนจำกัด 300 เรือน รุ่นนี้นั่นเอง
ตัวเรือนขนาด 44.0 มิลลิเมตร กันน้ำได้ 300 เมตร เป็นวัสดุไทเทเนียมตกแต่งผิวแบบพ่นทราย ร่วมกับงานปัดลายซาติน โดยมีขอบตัวเรือนชนิดหมุนได้ทิศทางเดียวเป็นไทเทเนียมสลักนูนเป็นสเกลนาที แล้วเคลือบพื้นหลังด้วยยางสีขาวล้อมรอบกระจกหน้าปัดแซพไฟร์ทรงโดม ขณะที่หน้าปัดเป็นผิวพ่นทรายหยาบสีเทาเพื่อสะท้อนถึงผิวของฉลาม ขณะที่สเกลและข้อความต่างๆ โดยส่วนใหญ่ถูกพิมพ์ด้วยสีขาว ติดตั้งหลักชั่วโมงเคลือบโรเดียมที่เคลือบด้วยสารเรืองแสง ‘Super-LumiNova’ (ซูเปอร์ลูมิโนวา) สีขาวเช่นเดียวกับบนเข็มทุกชิ้นและเลข 0 บนขอบตัวเรือน ทั้งยังตกแต่งเพิ่มสีสันด้วยคู่สีขาวสลับน้ำเงิน และขีดสเกลหลักสีน้ำเงินในวงหน้าปัดย่อยตำแหน่ง 3 กับ 9 นาฬิกา พิมพ์ข้อความ ‘Great White’ สีขาวไว้ใต้ตำแหน่งชื่อแบรนด์ ส่วนในวงหน้าปัดที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งเป็นที่อยู่ของหน้าต่างวันที่ทรงกลม แสดงด้วยตัวเลขสีน้ำเงินบนพื้นจานสีขาว เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน จะมีข้อความ ‘Hour’ (อาวร์) สีน้ำเงินพิมพ์อยู่ด้วย สำหรับสายที่ติดตั้งมาเป็นยางสีขาว พร้อมข้อไทเทเนียมสลักชื่อแบรนด์ลงสีดำที่สายด้านล่าง และมีการตกแต่งร่องฉลุเป็นภาพเงาฉลามมาบนสายฝั่งด้านบน โดยมีพื้นร่างเป็นสีเทาซึ่งเป็นสารเรืองแสงที่จะเปล่งแสงสีเขียวในความมืด ส่วนตัวล็อกสายทำจากไทเทเนียมซึ่งมีให้เลือกซื้อทั้งแบบหัวเข็มขัดและแบบบานพับ
การขับเคลื่อนกระทำด้วยกลไกอัตโนมัติ ‘In-house’ (อินเฮาส์) จำนวนชิ้นส่วนรวม 318 ชิ้น ทับทิมรวม 25 ชิ้น ความถี่การทำงาน 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง กักเก็บพลังงานได้ 48 ชั่วโมง Cal.UN-150 ฟังก์ชันโครโนกราฟ จับเวลาได้สูงสุด 12 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชันวันที่ ที่ประกอบด้วยจักรเหล็ก แองเคอร์ และสายใยจักรกลอกที่ทำจาก ‘Silicium’ (ซิลิเซียม) เทคโนโลยีวัสดุที่ Ulysse Nardin เป็นผู้บุกเบิกนำมาใช้กับอุตสาหกรรมนาฬิกา
Diver Chronograph Great White 44mm Limited Edition รุ่นนี้ Ulysse Nardin กำหนดจำนวนการผลิตเอาไว้ที่ 300 เรือน ราคาจำหน่ายหากเป็น Ref.1503-170LE-1A-GW/3A ที่ใช้ตัวล็อกสายเป็นแบบหัวเข็มขัดจะอยู่ที่ 12,600 ฟรังก์สวิส หรือราว 477,000 บาท แต่ถ้าเป็น Ref.1503-170LE-1A-GW/3B ที่ใช้ตัวล็อกสายแบบบานพับจะอยู่ที่ 12,850 ฟรังก์สวิส หรือราว 486,000 บาท